วันนี้ (7 สิงหาคม) ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมกับ พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.สอท.1) และ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อป้องกันข่าวปลอม ครั้งที่ 1/2568
ประเสริฐระบุว่า สถานการณ์ในขณะนี้มีข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจำนวนมาก ส่งผลทางด้านลบทำให้เกิดความสับสนและไม่เข้าใจ รวมถึงความแตกแยกระหว่างพี่น้องประชาชน ในการประชุมครั้งนี้จึงพูดคุยกันหลายประเด็น เพื่อขอความร่วมมือโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ในการป้องกันและปราบปรามข่าวปลอม และ Account IO สรุปได้ดังนี้
- ให้ความสำคัญข่าวที่เกี่ยวข้องกับความไม่สงบของชายแดนอย่างใกล้ชิด ในการสนับสนุนการจัดการข่าวปลอม
- การใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจจับข่าวปลอมที่มีการยืนยัน และดำเนินการปิดกั้นข่าวปลอมทุกช่องทาง
- การเพิ่มปริมาณเจ้าหน้าที่เพื่อรองรับการจัดการข่าวปลอม
- กระบวนการดำเนินการ IO ด้านจิตวิทยา หากมีการตรวจพบขอให้ส่ง ETDA เพื่อแจ้งสื่อสังคมออนไลน์ให้ระงับการเผยแพร่
- การยกระดับสื่อสังคมออนไลน์ โดยผู้ที่จะลงโฆษณาต้องเป็นบริษัทที่มีการยืนยันตัวตน ตอนนี้ได้มีการดำเนินการไปบางส่วนแล้ว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการพิจารณาการจัดการข่าวปลอมอย่างเป็นระบบ โดยขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อได้รับทราบข่าวปลอมจะมีการตรวจสอบ และกระจายข้อเท็จจริงไปยังพี่น้องประชาชน ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์และกระทรวงดีอี จะทำงานกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงติดตามสถานการณ์ โดยกำหนดเป้าหมายว่าภายใน 3 ชั่วโมงจะต้องวิเคราะห์ได้และสามารถแจ้งกลับไปได้ว่าข่าวนั้นเป็นข่าวปลอมหรือไม่
พร้อมกับย้ำว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้าพี่น้องประชาชนพบเห็นข่าวปลอม สามารถแจ้งเข้ามาที่เว็บไซต์ AFNC ทันที รัฐบาลจะทำการตรวจสอบให้ อยากให้เราเป็นหูเป็นตา และอยากให้พี่น้องประชาชนช่วยสอดส่องที่ https://www.antifakenewscenter.com หรือสามารถพิมพ์คำว่า AFNC ทาง Google
“ต้องขอบอกไปทางสื่อมวลชน อินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้ที่ไม่หวังดีทั้งหลาย ว่ารัฐบาลเอาจริง อยากให้ท่านโพสต์ข้อความต่างๆ ด้วยความระมัดระวัง ในการนำเสนอข่าวที่บิดเบือนที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง” ประเสริฐ กล่าว
ส่วนการดำเนินคดีกับผู้กระจายข่าวปลอม ได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด ไปหารือและจัดการกับเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องการปิด IP Address ที่ประชุมได้มอบหมายให้ กสทช. ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีผู้ให้บริการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำ IO และดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสม พร้อมรายงานผลให้ที่ประชุมทราบ ในการประชุมครั้งต่อไป
ประเสริฐระบุด้วยว่า Anti Fake News นั้นรวมถึงเพื่อนบ้านที่ปล่อยข่าวปลอมด้วย และขั้นตอนในการปฏิบัติมีอยู่ 3 ขั้นตอน เมื่อเราได้รับข้อมูลแล้ว ก็มีการตรวจสอบ หากตรวจสอบหากมีผลออกมาเป็นอย่างไร ก็จะรีบกระจายผลให้กับผู้เกี่ยวข้อง โดยการกระจายผลนั้นหมายถึงแจ้งทั้งข่าวจริงและข่าวปลอม เป็นทั้งภาษาอังกฤษ และจะใช้ช่องทางการกระจายผ่านทางกรมประชาสัมพันธ์ และสื่อต่างประเทศ เพื่อให้ทุกหน่วยงานรับทราบ
ทั้งนี้ สถิติข่าวปลอมจากเพื่อนบ้าน ในช่วงนี้สูงขึ้นมาก พบว่าตั้งแต่ปี 2562 มีข่าวที่ต้องสงสัยและต้องตรวจสอบประมาณ 1,100 ล้านข่าว แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เรามีซึ่งตอนนี้สามารถตรวจจับได้มากขึ้น