เห็นข่าวนี้แล้วอาจทำให้ผู้หญิงและผู้ที่มีประจำเดือนจำนวนมากข้องใจ เมื่อผ้าอนามัยชนิดสอดใส่ถูกจัดให้เป็นเครื่องสำอางตามประกาศของราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ที่มีการประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการกำหนดวัตถุอื่นเป็นเครื่องสำอาง พ.ศ. 2564 ซึ่งอาศัยอำนาจตามความใน (3) ของบทนิยามคำว่า ‘เครื่องสำอาง’ ในมาตรา 4 และมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้
‘ให้ผ้าอนามัยชนิดสอดที่ใช้สอดใส่เข้าไปในช่องคลอดเพื่อซับเลือดประจำเดือนเป็นเครื่องสำอาง’
กลายเป็นกระแสดังในโลกออนไลน์ทันที และแฮชแท็ก #ผ้าอนามัยไม่มีภาษี ก็ติดเทรนด์ Twitter อย่างรวดเร็ว โดยมีการแสดงความคิดเห็นเป็นวงกว้าง ที่ตั้งคำถามด้วยความสงสัยว่า การจัดหมวดหมู่ให้ผ้าอนามัยแบบสอดไปเป็นหมวดเครื่องสำอางได้อย่างไร? ซึ่งจากประกาศนี้อาจจะส่งผลให้อัตราภาษีเพิ่มจากเดิม 7% เป็น 30% เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า ผู้หญิงและผู้ที่มีประจำเดือนจำนวนมากก็แสดงความวิตกกังวล เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง นี่หมายถึงภาระค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ในขณะที่ประเทศเคนยาที่เป็นประเทศแรกในการยกเลิกภาษีผ้าอนามัยตั้งแต่ปี 2004 และตามมาด้วยอีกหลายประเทศที่ยกเลิกการเก็บภาษีผ้าอนามัยไปแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา 18 รัฐ, ไนจีเรีย, ไอร์แลนด์, จาเมกา, เลบานอน, แทนซาเนีย, มาเลเซีย, นิการากัว ขณะที่ประเทศสกอตแลนด์ ในปีที่แล้วก็มีการผ่านกฎหมายให้ผู้หญิงและผู้ที่มีประจำเดือนใช้ผ้าอนามัยฟรีเป็นประเทศแรกของโลก
อ้างอิง: