(3 ธันวาคม 2562) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม กล่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ เรากำลังแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งได้พยายามเอาหลายส่วนมาร่วมกัน ถ้าเราร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยภาครัฐจะทำในเรื่องนโยบายและการขจัดอุปสรรค ส่วนภาคเอกชนก็ในเรื่องของการลงทุน การใช้จ่ายเงินตราต่างประเทศ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเรื่องค่าเงินบาทด้วย ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร หลายอย่างมีผลกระทบกับเรื่องต่างประเทศด้วย ยืนยันหลายอย่างมีความคืบหน้า
ทั้งนี้ หลายคนวิพากวิจารณ์กันเกินเหตุ บางทีในข้อเท็จจริงมันก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้น มันเลยทำให้เกิดความสับสน การแก้ปัญหามันก็ยากขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าเราฟังในสิ่งที่มันคืบหน้า สิ่งที่มันดีๆ เราก็จะเห็นเอง แต่ถ้าเราไปฟังแต่เรื่องที่อยู่ในกระบวนการ อยู่ในขั้นตอนการตรวสอบ หรือในส่วนของกระบวนการยุติธรรมมันก็ยุ่งไปหมด เพราะมันยังไม่จบสิ้น ในเมื่อมันเข้าสู่ขั้นตอนแล้วไม่ต้องมาย้ำกันทุกวัน มาย้ำในสิ่งที่มีมันมีปัญหา สิ่งที่ไม่มีปัญหา สิ่งดีๆ เกิดขึ้นตั้งเยอะ” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนเรื่องสำคัญคือ โครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย สนับสนุนปัจจัยการผลิต โครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการชาวประมง โครงการประกันรายได้เกษตรกรข้าวโพดและอีกหลายอย่าง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ครม. แต่จำเป็นต้องรอนิดหนึ่ง ต้องขอโทษด้วย เพราะมีงบประมาณที่ใช้ได้จำกัด เนื่องจากเป็นงบที่ใช้ไปพลางก่อนงบประมาณปี 2563 ซึ่งวันนี้ก็เหลือน้อยมาก ส่วนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ต้องรอการพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ในสภาฯ
แต่ทั้งนี้ถ้างบประมาณยิ่งช้าไปเรื่อย เงินงบประมาณก็เอามาใช้เพิ่มไม่ได้ ปัญหาก็จะตามมากับเกษตรกรและประชาชน รวมถึงการทำงานต่างๆ ของราชการทั้งหมด อย่างเร็วที่สุดกฎหมายงบประมาณปี 2563 จะใช้บังคับได้ในเดือนมกราคม หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ถ้ายิ่งช้าไปอีกภาระมันก็จะเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ
“ผมไม่เคยทอดทิ้งนิ่งนอนใจ ถ้ากฎหมายให้ทำได้ ผมทำให้หมด ผมไม่ได้คำนึงถึงว่าเป็นเรื่องของพรรคใด เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องทำให้ทุกภาคส่วนอยู่แล้ว” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์