วันนี้ (10 มิถุนายน) ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติว่าจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นรายบุคคลในวันที่ 15 มิถุนายน ภายใต้ยุทธการ ‘เด็ดหัว สอยนั่งร้าน’ โดยรัฐมนตรีที่จะถูกยื่นอภิปรายรวมทั้งสิ้น 10 คน ว่า เมื่อโหมโรงอยู่พักใหญ่แต่ก็ยังหาข้อมูลข้อเท็จจริงไม่ได้ตามที่อ้างไว้ เพราะรัฐบาลไม่ได้ทำอะไรผิด จึงหันมาใช้การอภิปรายแบบหว่านแหแทน เพื่อหวังฟลุกว่าการอภิปรายจะเข้าตาประชาชนเข้าสักคน สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิมคือ ขอเวลาอภิปราย 4-5 วัน เน้นจำนวนวันให้มากเข้าไว้ ถ้าอภิปรายครบทุกคนได้ฝ่ายค้านก็คงทำไปแล้ว ซึ่งเท่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าฝ่ายค้านยุคนี้ประชาชนหวังพึ่งไม่ได้ เสียเวลาแก้ปัญหาให้กับประชาชนของสภาไปเปล่าๆ โดยที่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย นอกจากประชาชนต้องมานั่งทนฟังวาทกรรมเสียดสีและการบิดเบือนข้อเท็จจริงอยู่เป็นสัปดาห์ ขณะที่รัฐบาลเองก็ต้องมาคอยชี้แจงข้อบิดเบือนต่างๆ เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสน แทนที่จะได้เอาเวลาไปเร่งแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับประชาชน ซึ่งไม่แน่ใจว่าการอภิปรายครั้งนี้ฝ่ายค้านทำเพื่อรักษาประโยชน์ของประชาชนหรือเพื่อรักษาหน้าของตัวเองกันแน่
“การอ้างว่าจะเป็นการอภิปรายเพื่อเด็ดหัวนายกรัฐมนตรี และ ครม. เป็นรายบุคคลนั้น ไม่แน่ใจว่าฝ่ายค้านไปเอาความมั่นใจมาจากไหน และที่อ้างว่ามีใบเสร็จทางการเมืองที่จะชี้ให้เห็นนั้น ก็เห็นอ้างแบบนี้มาทุกครั้ง แล้วสุดท้ายก็เป็นฝ่ายค้านเองที่ถูกท่านนายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกซักฟอกฉีกหน้ากลางสภาว่ามั่วข้อมูล ทำการบ้านแบบลวกๆ เหมือนกลัวว่าจะไม่ได้อภิปราย อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่าถ้าฝ่ายค้านมีใบเสร็จทางการเมืองที่ชัดเจนจริง คงเอาไปฟ้องหน่วยงานต่างๆ นานแล้ว คงไม่รอถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน ทั้งนี้ มั่นใจว่าท่านนายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายนั้นจะสามารถชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจจนประชาชนหายสับสนได้อย่างแน่นอน” ธนกรกล่าว