วันนี้ (29 ตุลาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการระดมกวาดล้างยาเสพติดในช่วงวันที่ 10-19 ตุลาคมที่ผ่านมา ภาพรวมการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีผลการดำเนินการจับกุมบุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 3,884 หมายจับ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 15,710 คดี (ผู้ต้องหา 15,866 คน)
ของกลางยาบ้า 18,314,853 เม็ด ยาไอซ์ 297,690 กรัม เฮโรอีน 30,735 กรัม ยาอี 6,550 กรัม ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน ทั้งสิ้น 3,984 คดี ยึดของกลางอาวุธปืนสงคราม 27 กระบอก ปืนไม่มีทะเบียน 2,438 กระบอก มีทะเบียน 452 กระบอก วัตถุระเบิด 600 รายการ และเครื่องกระสุน 16,168 นัด
อนุชากล่าวต่อไปว่า การจับกุมแบ่งเป็นการจับกุมความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายอาวุธปืนฯ โดยผิดกฎหมาย ทั้งทางตรงและทางออนไลน์ จำนวน 97 คดี ผู้ต้องหา 63 คน ยึดของกลางอาวุธปืนไม่มีทะเบียน 46 กระบอก มีทะเบียน 12 กระบอก วัตถุระเบิด 156 รายการ เครื่องกระสุน 1,296 นัด และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนฯ อื่นๆ จำนวน 3,887 คดี (จับกุมผู้ต้องหา 3,864 คน) พร้อมของกลาง อาวุธปืนสงคราม 27 กระบอก อาวุธปืน (ไม่มีทะเบียน) 2,392 กระบอก มีทะเบียน 440 กระบอก วัตถุระเบิด 444 รายการ เครื่องกระสุน 14,872 นัด
สำหรับห้วงการระดมกวาดล้างยาเสพติด-อาวุธปืนที่เหลือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับหน่วยเพิ่มความเข้มในการดำเนินการ และเพิ่มมาตรการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดออนไลน์ การสกัดกั้นยาเสพติดจากแนวชายแดน การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจค้นบุคคลยานพาหนะให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทุกเส้นทาง ทำการสืบสวนขยายผลไปยังเครือข่ายหรือขบวนการที่กระทำความผิด และดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ยุ่งเกี่ยว พัวพันกับการกระทำความผิดกฎหมาย หรือประพฤติไม่เหมาะสม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างเด็ดขาด ทั้งทางอาญา ทางวินัย และทางปกครองโดยทันที
อนุชากล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีมีมาตรการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ ร่วมมือกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มความเข้มงวด ลาดตระเวน ป้องกันการลักลอบขนยาเสพติดตามแนวชายแดน
โดยจะต้องมีการจับกุม ดำเนินคดี และลงโทษต่อผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างจริงจัง และหากมีข้าราชการ ลูกจ้างหน่วยงานของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก ทั้งทางวินัยและอาญาโดยไม่มีข้อยกเว้น
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสยาเสพติดมาที่สายด่วน 1386 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำข้อมูลไปดำเนินการกวาดล้างยาเสพติด โดยทุกข้อมูลจะดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจัง