Google ยังคงเดินหน้าลดจำนวนพนักงานอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (10 มิถุนายน) บริษัทได้ยื่นข้อเสนอให้พนักงานในหลายแผนกสามารถเข้าร่วม ‘โครงการสมัครใจลาออก’ (Voluntary Exit Program) หรือการเสนอซื้อสัญญาจ้างงาน (Buyouts) ซึ่งครอบคลุมไปถึงหน่วยธุรกิจหลักอย่างทีมค้นหา (Search), โฆษณา (Ads) และวิศวกรรมส่วนกลาง
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นความพยายามล่าสุดในการปรับลดขนาดองค์กรและควบคุมค่าใช้จ่าย เพื่อนำทรัพยากรไปทุ่มให้กับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในปี 2568 ซึ่งเป็นสมรภูมิการแข่งขันที่สำคัญที่สุดของบริษัทในขณะนี้
‘Buyouts’ กลยุทธ์ใหม่หลังบทเรียน Layoff ครั้งใหญ่
สำนักข่าว CNBC รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวภายในและโฆษกของบริษัทว่า โครงการสมัครใจลาออกรอบล่าสุดนี้ได้เสนอให้กับพนักงานในสหรัฐอเมริกา ในหลายหน่วยงานสำคัญ ได้แก่ Knowledge and Information (K&I) หน่วยธุรกิจหลักที่มีพนักงานราว 20,000 คน ซึ่งดูแลผลิตภัณฑ์หัวใจสำคัญของบริษัทอย่าง Search, Ads และ Commerce Central Engineering ทีมวิศวกรรมส่วนกลาง รวมทั้ง ทีมอื่นๆ เช่น การตลาด, การวิจัย และการสื่อสาร
กลยุทธ์การเสนอ Buyouts นี้ถูกมองว่าเป็น ‘การปลดพนักงานรูปแบบใหม่’ ของ Google ซึ่งบริษัทหันมาใช้เป็นเครื่องมือหลักในการลดคนในปีนี้ หลังจากเผชิญกับกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจากการ ปลดพนักงานครั้งใหญ่ 12,000 ตำแหน่ง หรือ 6% ของพนักงานทั้งหมดในเดือนมกราคม 2567 ซึ่งในครั้งนั้น การปลดพนักงานเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พนักงานหลายคนถูกตัดการเข้าถึงระบบของบริษัทโดยไม่ทันตั้งตัว และส่งผลกระทบอย่างหนักต่อขวัญและกำลังใจของพนักงานที่เหลืออยู่ แม้ว่าบริษัทจะยังคงมีผลกำไรที่ยอดเยี่ยมก็ตาม
การเปลี่ยนมาใช้แนวทางสมัครใจลาออกได้รับการตอบรับที่ดีกว่าจากพนักงาน โดยก่อนหน้านี้ Google ได้เสนอโครงการลักษณะเดียวกันในหน่วยงาน Platforms and Devices (ดูแล Android, Pixel, Chrome) ในเดือนมกราคม, แผนก People Operations (ฝ่ายบุคคล) ในเดือนกุมภาพันธ์ รวมถึงทีมกฎหมายและการเงิน
เปิดทางให้คนที่ไม่พร้อมไปต่อ แต่หวังให้คนเก่งอยู่สู้
ในบันทึกภายในที่ส่งถึงพนักงานเมื่อวันอังคาร นิค ฟ็อกซ์ (Nick Fox) ผู้บริหารที่ดูแลหน่วยธุรกิจ K&I ได้สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา โดยระบุว่าโครงการนี้เป็น “เส้นทางอำลาที่สนับสนุนพนักงาน” สำหรับผู้ที่ไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท, ไม่รู้สึกมีพลังกับงานที่ทำ หรือมีปัญหาในการทำงานให้ได้ตามความคาดหวัง
แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็เน้นย้ำอย่างหนักแน่นถึงคนที่บริษัทต้องการให้อยู่ต่อ “ผมอยากจะพูดให้ชัดเจนมากๆ หากคุณตื่นเต้นกับงานของคุณ มีพลังจากโอกาสที่รออยู่ข้างหน้า และทำผลงานได้ดี ผมหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าคุณจะไม่รับข้อเสนอนี้! เรามีแผนการที่ท้าทายและมีสิ่งที่ต้องทำอีกมหาศาล” ฟ็อกซ์ระบุในบันทึก ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามที่จะรักษากลุ่มคนที่เป็นกำลังสำคัญของบริษัทไว้
เบื้องหลังการรัดเข็มขัด ทุ่มสุดตัวเพื่อสงคราม AI
การลดจำนวนพนักงานอย่างต่อเนื่องนี้ สอดคล้องกับสิ่งที่ อนัต อัชเคนนาซี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของ Google กล่าวไว้เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญสูงสุดของเธอคือ การผลักดันการลดต้นทุนให้มากขึ้น ในขณะที่ Google กำลังขยายการลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI ในปี 2568
นอกจากนี้ Google ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงแพลตฟอร์มการเรียนรู้ภายในครั้งใหญ่ โดยจะมุ่งเน้นไปที่การสอนให้พนักงานใช้เครื่องมือ AI ที่ทันสมัยในการทำงาน แทนที่หลักสูตรเดิมๆ ที่เป็นเพียง ‘ของดีน่ามี’ (Nice-to-have) ไปสู่หลักสูตรที่ ‘จำเป็นต่อธุรกิจ’ (Business-essential)
ที่น่าสนใจคือ การประกาศโครงการสมัครใจลาออกมักจะเกิดขึ้นพร้อมกับนโยบายที่เข้มงวดขึ้นในการให้พนักงานกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ โดยพนักงานที่ทำงานทางไกล (Remote Worker) ซึ่งอาศัยอยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศ (ในระยะ 50 ไมล์) จะถูกคาดหวังให้กลับเข้ามาทำงานในรูปแบบไฮบริด เพื่อ ‘นำผู้คนกลับมาอยู่ด้วยกันมากขึ้น’ ซึ่งถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งแรงกดดันทางอ้อม
การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ตอกย้ำว่า Google กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ โดยพยายามปรับโครงสร้างองค์กรให้กระชับและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสมรภูมิการแข่งขันด้าน AI ที่ดุเดือด โดยเลือกใช้กลยุทธ์ที่นุ่มนวลกว่าการปลดพนักงานโดยตรงเพื่อรักษาขวัญกำลังใจ แต่ยังคงเป้าหมายในการควบคุมค่าใช้จ่ายและผลักดันบุคลากรให้มุ่งไปสู่ทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจน
ภาพ: Vuk Valcic / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: