×

Google ใช้ Gen AI ยกระดับภาพยนตร์ The Wizard of Oz กลับมาฉายใน Sphere ที่ลาสเวกัส

10.04.2025
  • LOADING...

เทคโนโลยี AI ช่วยให้ภาพยนตร์ที่หลายคนหลงรัก ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อเกือบ 90 ปีก่อนอย่าง The Wizard of Oz กำลังจะถูกนำกลับมาฉายที่ Sphere สถานที่จัดแสดงสื่อบันเทิงล้ำสมัยที่ตั้งอยู่ที่ลาสเวกัส 

 

ก่อนที่งาน Google Cloud Next 2025 จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 9-11 เมษายน 2025 (ตามเวลาสหรัฐฯ) ที่เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ทีมงาน Google ได้จัดกิจกรรมพิเศษที่แสดงให้เห็นถึงหนึ่งในพลังของเทคโนโลยี AI ที่กำลังเข้ามาปฏิวัติหลายอุตสาหกรรมบนโลก และหนึ่งในนั้นคือ ‘วงการภาพยนตร์​และสื่อ’ 

 

ในฐานะตัวแทนสื่อไทยรายเดียวที่มาร่วมงานในปีนี้ THE STANDARD WEALTH มีโอกาสเข้าร่วมชมตัวอย่างเพียงบางส่วน และวิธีการทำงานเบื้องหลัง เพื่อนำภาพยนตร์ The Wizard of Oz กลับมาสู่จอขนาดยักษ์ของ Sphere 

 

จากภาพยนตร์เมื่อเกือบ 90 ปีก่อน สู่จอขนาด 160,000 ตารางฟุต

 

The Wizard of Oz เปิดฉายครั้งแรกในปี 1939 และด้วยเทคนิค Technicolor ในเวลานั้นถือได้ว่า The Wizard of Oz ช่วยพลิกโฉมวงการภาพยนตร์เมื่อเกือบ 90 ปีก่อน 

 

ตัดภาพมาในปัจจุบัน Google และ Sphere Entertainment ได้ประกาศความร่วมมือด้านเทคโนโลยี AI ครั้งใหม่ เพื่อช่วยรังสรรค์โปรเจกต์ The Wizard of Oz at Sphere ให้มีชีวิตผ่านการใช้ Generative AI (Gen AI) โดยโครงการนี้ถือเป็นการบุกเบิกด้านวิศวกรรมครั้งสำคัญที่อาศัยนักสร้างสรรค์ นักเขียนโค้ด และศิลปินด้าน Visual Effects 

 

 

ความยากของโปรเจกต์นี้ ประกอบไปด้วยหลายส่วน อาทิ ความคมชัดของภาพยนตร์ต้นฉบับที่ถูกผลิตขึ้นตั้งแต่เกือบ 90 ปีก่อน แต่เมื่อจะนำมาฉายใน Sphere ทีมงานจำเป็นจะต้องทำให้ภาพคมชัดมากขึ้น ความท้าทายอีกส่วนที่สำคัญคือ การขยายฉากและเสริมตัวละครเข้ามาในฉาก โดยที่ไม่บิดเบือนไปจากผลงานต้นฉบับ 

 

ภาพยนตร์ต้นฉบับ

 

ภาพยนตร์ที่ถูกเสริมภาพด้วย AI

 

สำหรับการจัดแสดง The Wizard of Oz at Sphere ซึ่งจะเปิดฉายในลาสเวกัส วันที่ 28 สิงหาคม 2025 Google Cloud และ Google DeepMind จะร่วมกันใช้งานโมเดล Gemini ที่ปรับแต่งมาเฉพาะ พร้อมด้วย Veo 2 และ Imagen 3 เพื่อยกระดับความคมชัดของภาพ ขยายฉากหลัง และสร้างตัวละครที่ไม่สามารถอยู่ในจอเดียวกันได้ให้กลับมามีชีวิต โดยโครงการนี้ใช้ข้อมูลรวมถึง 1.2 เพตะไบต์ 

 

Thomas Kurian ซีอีโอของ Google Cloud กล่าวว่า “ความร่วมมือของเรากับ Sphere ใน The Wizard of Oz at Sphere คืออีกตัวอย่างของการผลักดันขีดจำกัดของ Generative AI เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ชม และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับสตูดิโอและผู้สร้างภาพยนตร์”

 

 

ทั้งนี้ The Wizard of Oz เปิดตัวครั้งแรกในปี 1939 ด้วยกล้องถ่ายภาพยนตร์ Technicolor แบบ 3 แถบ 35 มม. ซึ่งเป็นเพียงภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องที่ 3 ที่ใช้เทคนิคสีที่ว่านี้

 

Google Cloud และ DeepMind กำลังผลักดันขีดจำกัดของ Gen AI ด้วยการใช้งานโมเดล Gemini, Veo และ Imagen พร้อมโครงสร้างพื้นฐานของ Google Cloud เช่น ชิปประมวลผล AI เฉพาะทาง (TPUs), Google Kubernetes Engine (GKE) และอื่นๆ โดยเทคนิคสำคัญที่ใช้ในโปรเจกต์นี้ ได้แก่

 

  • Super Resolution: ใช้ Veo เพื่อยกระดับความละเอียดของภาพ เติมพิกเซลที่ขาดหาย และสร้างภาพคมชัดระดับ 16k ที่จำเป็นสำหรับจอภายใน Sphere ซึ่งมีความละเอียด 16k x 16k โดยต้องใช้ระบบอัลกอริทึมซับซ้อนที่สามารถเข้าใจและสร้างรายละเอียดอย่างภูมิทัศน์ ฉาก และตัวละครได้อย่างถูกต้อง

 

  • Outpainting: เพื่อขยายขอบเขตของภาพให้เหมาะกับประสบการณ์ใน Sphere โมเดล Veo จะช่วยขยายฉากหลังและตัวละครให้ต่อเนื่อง เพื่อสร้างความรู้สึกเหมือนผู้ชมอยู่ในฉากเดียวกับตัวละคร โดยต้องสร้างองค์ประกอบพื้นหน้าและกลางที่สอดคล้องกับภาพยนตร์ต้นฉบับอย่างแม่นยำ

 

  • Performance Generation: ด้วยการใช้ Veo ร่วมกับ Gemini ทีมงานสามารถพัฒนาเทคนิคเล่าเรื่องแบบใหม่ที่ทำให้ตัวละครหลายตัวอยู่บนจอได้ในระยะเวลานาน แม้โดยปกติจะต้องมีการตัดต่อ ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้ร่วมเดินทางในเรื่องราวไปด้วยจริงๆ

 

  • Context Window: ความสามารถในการรองรับ Context Window ขนาดใหญ่มากของ Gemini และ Veo เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความต่อเนื่องของภาพในฉากยาวๆ ซึ่งทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาลได้โดยที่ภาพยังคงคุณภาพและความสมจริงตลอดทั้งเรื่อง

 

ภาพ: สกุลชัย เก่งอนันตานนท์ / THE STANDARD, Google Cloud 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising