กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อบังคับให้ Google ขาย Chrome เบราว์เซอร์ยอดนิยม ซึ่งถือเป็นการปราบปรามครั้งประวัติศาสตร์ต่อหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของโลก
คำร้องดังกล่าวจะยื่นต่อผู้พิพากษา Amit Mehta ซึ่งตัดสินในเดือนสิงหาคมว่า Googleผูกขาดตลาดเสิร์ชเอนจินอย่างผิดกฎหมาย โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ต้องการให้ Google ดำเนินมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบปฏิบัติการ Android รวมถึงการออกใบอนุญาตข้อมูล
หากผู้พิพากษา Mehta รับคำร้อง อาจส่งผลกระทบต่อตลาดเสิร์ชเอนจินและอุตสาหกรรม AI คดีนี้เริ่มต้นขึ้นในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และดำเนินต่อในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถือเป็นความพยายามครั้งสำคัญในการควบคุมบริษัทเทคโนโลยี นับตั้งแต่ Microsoft เมื่อ 20 ปีก่อน
Chrome เป็นเบราว์เซอร์ยอดนิยมที่ Google ใช้เก็บข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้ เพื่อกำหนดเป้าหมายโฆษณา ซึ่งสร้างรายได้มหาศาลให้กับบริษัท นอกจากนี้ Googleยังใช้ Chromeเพื่อนำผู้ใช้ไปสู่ Gemini ผลิตภัณฑ์ AI หลักของบริษัท
Lee-Anne Mulholland รองประธานฝ่ายกำกับดูแลกิจการของ Googleกล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยังคงผลักดันวาระนี้อย่างรุนแรง ซึ่งเกินกว่าประเด็นทางกฎหมายในคดีนี้ และเธอยังเสริมว่า “การที่รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภค นักพัฒนา และความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ”
เมื่อเร็วๆ นี้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้เสนอมาตรการสำคัญเพื่อลดการผูกขาดของ Googleโดยประเด็นแรกคือการขายเบราว์เซอร์ Chrome ซึ่งเป็นช่องทางหลักที่ผู้คนใช้เข้าถึงเสิร์ชเอนจินของ Googleนอกจากนี้ยังเสนอให้ Googleต้องออกใบอนุญาตขายข้อมูลการคลิก รวมถึงเผยแพร่ผลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทคู่แข่งและสตาร์ทอัพสามารถนำข้อมูลไปพัฒนา AI ของตนเองได้
ในส่วนของระบบปฏิบัติการ Android กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ต้องการให้แยกออกจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Googleไม่ว่าจะเป็นเสิร์ชเอนจินหรือ Google Play Store พร้อมทั้งกำหนดให้ Google ต้องแบ่งปันข้อมูลกับผู้ลงโฆษณา และให้อำนาจผู้ลงโฆษณาในการควบคุมตำแหน่งโฆษณามากขึ้น
การดำเนินการตามข้อเสนอเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดเสิร์ชเอนจินและ AI อีกทั้งยังกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์จากการมีตัวเลือกที่หลากหลายขึ้นและราคาที่อาจถูกลง
อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายสำคัญคือการหาผู้ซื้อ Chromeเนื่องจากบริษัทขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการซื้ออย่างเช่น Amazon ก็กำลังเผชิญกับการตรวจสอบด้านการผูกขาดเช่นกัน นอกจากนี้ Googleยังมีแผนที่จะยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน ซึ่งอาจทำให้คดียืดเยื้อและต้องขึ้นไปถึงศาลฎีกา
อ้างอิง: