เว็บไซต์ CNN รายงานว่า ราคาหุ้นของ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google เปิดตลาดในวันจันทร์ที่ 17 เมษายน ปรับตัวร่วงลงอย่างหนัก หลังมีรายงานว่า Samsung Electronics กำลังพิจารณาให้ Bing ซึ่งเป็นเครื่องมือค้นหาข้อมูลของบริษัท Microsoft จะมาแทนที่ Google บนผลิตภัณฑ์ของ Samsung รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียตำแหน่งเจ้าตลาด Search Engine ให้กับคู่แข่งอย่าง Microsoft
รายงานระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่เพียงสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนเท่านั้น แต่ยังสร้างความตื่นตระหนกให้เกิดขึ้นภายในบริษัทอีกด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งวันเช้าของตลาด ราคาหุ้น Alphabet ปรับตัวร่วงลง 2.83% สู่ระดับ 106.36 ดอลลาร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Samsung เล็งเปลี่ยน Search Engine บนสมาร์ทโฟนของตัวเอง จาก Google มาเป็น Bing ของค่าย Microsoft แทน
- การลงทุนมูลค่า 4.4 แสนล้านบาทของ Microsoft ใน OpenAI มาพร้อมโอกาสมหาศาลและความไม่แน่นอนอีกมากมาย
ขณะเดียวกันรายงานจากหนังสือพิมพ์ The New York Times บ่งชี้ว่า Google กำลังเผชิญความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ Search Engine ของ Microsoft อย่าง Bing ประกาศเปิดตัว Bing เวอร์ชันใหม่ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เดียวกับที่ใช้สนับสนุนแชตบอต ChatGPT
ทั้งนี้ หากเป็นไปตามที่มีรายงานจริงคือ Samsung ยกเลิกสัญญาที่ทำไว้กับ Google จะทำให้ Google สูญเสียรายได้ถึง 3,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี และอาจกระเทือนการต่ออายุสัญญาฉบับใหม่ในปีนี้กับบริษัท Apple ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้ของ Google มูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์
รายงานระบุว่า ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา Google สามารถครองสัดส่วนในตลาด Search Engine ได้มากกว่า 90% ไว้อย่างเหนียวแน่น แต่หลายฝ่ายเริ่มวิตกกันแล้วว่า Google อาจกำลังพ่ายแพ้ Microsoft ในการแข่งขันด้านเทคโนโลยี AI
ก่อนหน้านี้ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google เพิ่งจะเจอบทเรียนราคาแพง เมื่อนักลงทุนพากันเทขายหุ้นของบริษัท ทำให้มูลค่าตลาดหายไปมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากที่ Bard ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแชตบอตปัญญาประดิษฐ์ที่บริษัทหมายมั่นปั้นมือพัฒนาขึ้นมาเพื่อท้าชน ChatGPT ของค่าย Microsoft กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้คำตอบผิดในงานอีเวนต์เปิดตัวที่บริษัทจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ขณะที่ทางด้าน Sundar Pichai ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Google ได้ออกโรงเตือนระหว่างการให้สัมภาษณ์กับรายการ 60 Minutes ของสถานี CBS เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 เมษายนที่ผ่านมาว่า สังคมในปัจจุบันยังไม่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าในเทคโนโลยี AI โดยสังคมจำเป็นต้องมีระเบียบ กฎหมาย หรือมาตรการในการกำกับดูแลอย่างรอบด้านและรัดกุม
อย่างไรก็ตาม Pichai ยอมรับว่า กฎหมายและกฎระเบียบที่จะเข้ามากำกับดูแลเทคโนโลยี AI นั้น ไม่ใช่เรื่องที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งจะตัดสินใจอยู่เพียงฝ่ายเดียว ต้องอาศัยความร่วมมือ ข้อคิดเห็น และคำเสนอแนะจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ในส่วนของศักยภาพ AI ผู้บริหาร Google รายนี้มองว่า ในท้ายที่สุดแล้ว ด้วยศักยภาพของ AI และความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุด เชื่อแน่ว่าผลลัพธ์ของเทคโนโลยี AI ในท้ายที่สุดแล้วจะสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลิตภัณฑ์ทุกผลิตภัณฑ์ของทุกบริษัท
ขณะเดียวกัน Pichai ยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่บริษัทต่างๆ จะต้องรับผิดชอบในแต่ละขั้นตอนตลอดเส้นทางของการพัฒนา AI ซึ่งสำหรับ Google นี้หมายถึงการให้เวลาสำหรับ ‘ความคิดเห็นของผู้ใช้’ และทำให้แน่ใจว่าบริษัทสามารถพัฒนาชั้นความปลอดภัยที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นก่อนที่เราจะสร้าง ก่อนที่เราจะปรับใช้โมเดลที่มีความสามารถมากกว่านี้
ยิ่งไปกว่านั้น Pichai ยังแสดงความเชื่อว่าในที่สุดเครื่องมือ AI เหล่านี้จะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อธุรกิจ วิชาชีพ และสังคม
ด้าน Elon Musk หนึ่งในมหาเศรษฐีนักลงทุนชั้นนำ ซึ่งในเวลานี้กำลังให้ความสนใจในการลงทุนจำนวนมากเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี AI ซึ่ง Musk เตือนว่า เทคโนโลยีของ AI อาจทำให้เกิด ‘การทำลายล้างอารยธรรม’ (Civilization Destruction) ของประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้
ทั้งนี้ Musk กล่าวระหว่างการให้สัมภาษ์กับทาง Fox ว่า AI นั้นมีอันตรายมากหากพิจารณาจากศักยภาพที่ AI มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น การออกแบบเครื่องบิน การออกแบบระบบบริหารจัดการ หรือการบำรุงรักษาการผลิต เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ Musk มีการเอ่ยปากเตือนหลายครั้งถึงศักยภาพที่น่ากังวลของ AI ท่ามกลางการเพิ่มจำนวนของผลิตภัณฑ์ AI สำหรับการใช้งานทั่วไปของผู้บริโภค รวมถึงจากยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Google และ Microsift ซึ่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Musk ได้เข้าร่วมกลุ่มผู้นำเทคโนโลยีรายอื่นๆ ในการลงนามในจดหมายเปิดผนึกเพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดการแข่งขันชั่วคราวเป็นเวลา 6 เดือน สำหรับการพัฒนา AI
กระนั้น สำหรับบรรดาแฟนคลับ Musk ได้ส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับ AI มาหลายปีแล้ว และแม้จะเป็นฝ่ายเตือนให้ระวังถึงอันตรายของ AI แต่เจ้าตัวก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน AI ที่ Musk ควักเงินลงทุนจำนวนมากในการพัฒนา AI เพื่อหวังนำมาใช้อย่างกว้างขวางในอาณาจักรธุรกิจของเขาเอง
อ้างอิง:
