นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะลดลงอย่างมากในปี 2023 เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานจ่อผ่อนคลายลง และค่าแรงในสหรัฐฯ น่าจะชะลอตัว
Goldman Sachs Group วาณิชธนกิจรายใหญ่ในสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) จะลดลงเหลือ 2.9% ภายในเดือนธันวาคมปี 2023 จากระดับ 5.1% ในปัจจุบัน เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง และการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐก็ยังส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อด้วย
ข้อมูลเมื่อสัปดาห์ก่อนแสดงให้เห็นว่า ราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคมเริ่มแผ่วลงแล้ว โดยเพิ่มขึ้น 7.7% นับเป็นอัตราที่ช้าที่สุดตั้งแต่เดือนมกราคม
ทีมนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งนำโดย Jan Hatzius ยังระบุในบันทึกการวิจัยว่า ราคาของสินค้าในหมวดหมู่ที่เคยได้รับผลกระทบจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน น่าจะลดลงในปีหน้า นอกจากนี้ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและความแออัดด้านการขนส่งได้ลดลงอย่างมากในปีนี้ ขณะที่สินค้าคงคลังรถยนต์และสินค้าอุปโภคบริโภคได้ฟื้นตัวจากระดับที่ตกต่ำอย่างมาก ส่วนอุปทานเซมิคอนดักเตอร์ก็ดีขึ้นอย่างมาก โดยการจัดส่งไมโครชิปยานยนต์ขณะนี้มากกว่าปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการระบาดอยู่ 42%
Goldman Sachs ยังคาดการณ์อีกว่า ภายในปลายปีหน้าการเติบโตของค่าจ้างจะชะลอตัวลง เป็นการลดแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อด้านการบริการ (Services Inflation) โดยการปรับสมดุลของตลาดแรงงานยังจะทำให้การเติบโตของค่าจ้างชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนที่ตอนนี้มีช่องว่างระหว่างงานและแรงงานลดลงอย่างมาก เช่น ภาคการค้าปลีกและภาคการพักผ่อน โดยคาดว่าการเติบโตของค่าจ้างปีต่อปีจะลดลง 1.5% เหลือ 4% ภายในสิ้นปีหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ซีอีโอ JPMorgan เตือน เศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายใน 6-9 เดือน
- หุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาปิดบวกถึง 800 จุด จากที่ร่วงหนักกว่า 500 จุด หลังการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย.
- สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ที่ 8.2% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ หุ้นสหรัฐฯ ดิ่งทันที!
อ้างอิง: