Goldman Sachs หนึ่งในสถาบันการเงินชั้นนำของสหรัฐฯ ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนในปีนี้ลงจาก 4.8% เหลือ 4.3% หลังทางการจีนยังส่งสัญญาณจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามนโยบาย Zero-Tolerance เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนมีการสั่งล็อกดาวน์พื้นที่บางส่วนในเขตเมืองเทียนจินและอันยาง รวมถึงมณฑลเหอหนาน หลังตรวจพบผู้ติดโควิดสายพันธุ์โอมิครอนหลายรายในเมืองเหล่านี้ ขณะที่เมืองซีอาน ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศ ถูกสั่งล็อกดาวน์มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคมแล้ว
“จำนวนเคสของผู้ป่วยโควิดที่มีเพิ่มขึ้นในช่วงนี้สะท้อนถึงแนวโน้มที่จีนจะใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เราจึงปรับลดคาดการณ์ GDP จีนในปีนี้ลงจากเดิม” ฮุย ชาน นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs กล่าว
ทั้งนี้ Goldman Sachs คาดว่า การบริโภคภายในประเทศของจีนจะได้รับผลกระทบจากความเข้มข้นของมาตรการควบคุมโรคมากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากการควบคุมโรคจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายและเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง
โดยนักวิเคราะห์คาดว่า การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคจะเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ในแต่ละท้องถิ่นของจีนให้ความสำคัญที่สุดในช่วงเทศกาลดังกล่าว และยังมีความเป็นไปได้ที่ทางจีนจะใช้มาตรการ Zero-Tolerance ไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจะเป็นช่วงที่มีการประชุมของพรรคคอมมิวนิสต์ เพื่อแต่งตั้งให้ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง อยู่ในตำแหน่งต่อเป็นวาระที่ 3
Goldman Sachs เชื่อว่า ทางการจีนจะประกาศตัวเลขเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ที่ 5% ในการประชุมเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในต่างประเทศมองเอาไว้ ทำให้มีความเป็นไปได้เช่นกันที่รัฐบาลจีนอาจเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจบางอย่างเอาไว้ หรือจีนอาจเลือกบริหารเศรษฐกิจโดยไม่ยึดติดกับเป้าเหมือนที่เคยทำมาแล้วในปี 2020
อ้างอิง: