สำนักข่าว CNBC เปิดเผยรายงานของ Goldman Sachs ที่อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (National Bureau of Statistics of China) ระบุว่า ในปี 2030 ประเทศจีนจะมีประชากรสัตว์เลี้ยงสูงกว่าประชากรเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 4 ปี โดยประชากรของสัตว์เลี้ยงจะสูงกว่า 70 ล้านตัว ในขณะที่ประชากรเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 4 ปีจะมีน้อยกว่า 40 ล้านคน
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวต่างกันกับช่วงปี 2017 อย่างสิ้นเชิง ที่ประชากรสัตว์เลี้ยง ณ ปีนั้นอยู่ที่ 40 ล้านตัว และประชากรเด็กมีสูงถึง 90 ล้านคน
“เราคาดว่าจะเห็นคนเลี้ยงสัตว์มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการเกิดที่อ่อนแอลงและตลาดสัตว์เลี้ยงในครัวเรือนที่สูงขึ้นจากความนิยมของคนรุ่นใหม่” Valerie Zhou นักวิเคราะห์ตลาดทุนสถาบันการลงทุนกล่าว
รายงานระบุต่อว่า อัตราการเกิดของเด็กแรกเกิดคาดว่าจะลดลงโดยเฉลี่ยที่ 4.2% ในปี 2030 เป็นผลมาจากประชากรผู้หญิงอายุ 20-35 ปีลดลง และคนรุ่นใหม่ไม่นิยมมีลูก และอ้างอิงจากตลาดอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงของจีน (China’s Pet Industry White Paper) รายงานของปี 2023 ครึ่งหนึ่งของผู้เลี้ยงสัตว์นั้นมีอายุอยู่ระหว่าง 23-33 ปี
จากการที่คนหนุ่มสาวชาวจีนหันมาเลือกเลี้ยงสัตว์มากกว่าเลี้ยงลูกจึงมีการคาดการณ์ว่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงจะเติบโตแข็งแกร่งจนมีมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านหยวน ในปี 2030
อัตราการเกิดของเด็กแรกเกิดทั่วโลกลดลงจากการที่ผู้หญิงเลือกที่จะมีลูกน้อยลง ในขณะที่ประชากรโลกกำลังทำจุดสูงสุดในศตวรรษนี้ โดยบางประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกกำลังเผชิญกับอัตราการเกิดใหม่ที่ลดลง
รายงานจากสถิติของรัฐบาลจีนในปี 2023 ประชากรของจีนปรับตัวลดลง 2 ปีซ้อน สู่ระดับ 1.41 พันล้านคน ซึ่งปรับตัวลดลงมาจาก 2.08 พันล้านคน ในปี 2022 ในขณะเดียวกัน ในปี 2023 จำนวนการแต่งงานในจีนกลับปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.4% จากปีก่อน แต่มากกว่าครึ่งของประชากรที่มีอายุ 25-29 ปี ยังคงไม่แต่งงาน จากการที่คนนิยมแต่งงานกันในช่วงอายุที่มากขึ้น
การปรับลดของประชากรจีนนั้นมีผลกระทบอย่างมากกับเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะภาคตลาดแรงงาน “อัตราการเกิดของเด็กแรกเกิดนั้นจะกลายมาเป็นประชากรในตลาดแรงงานในอีก 2 ทศวรรษต่อมา” Tay จากสถาบันการเงิน Maybank กล่าวกับ CNBC
อ้างอิง: