คืนก่อนเช้ามืดที่ผ่านมา เบลเยียมพลิกเอาชนะทีมชาติญี่ปุ่นได้อย่างสุดมัน ถีบตัวเองเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปพบกับบราซิลได้ชนิดที่คนดูต้องนับถือหัวจิตหัวใจทั้งสองฝ่าย
แม้ขุนพลซามูไรบลูจะเล่นด้วยสปิริตที่ยอดเยี่ยม จนสามารถผ่านเข้ารอบตามติดโคลอมเบียมาได้ด้วยกฎแฟร์เพลย์เหนือทีมชาติเซเนกัล แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยประสบการณ์ที่เจนจัดน้อยกว่า พวกเขาจึงถูกขุนพลยุคทองของเบลเยียมลงโทษไปในที่สุด
ส่วนหนึ่งของคำตอบคือ ระบบเยาวชนที่ยอดเยี่ยมส่งผลให้ประเทศที่มีประชากรเพียง 11 ล้านคน ผลิตนักเตะที่มีความสามารถ ตบเท้าส่งออกทั่วยุโรปได้มากมายรุ่นต่อรุ่น เกิดเป็นยุคที่เรียกว่า Golden Generation และตอนนี้ผลผลิตเหล่านั้นก็สุกงอมทั้งฝีเท้าและประสบการณ์ที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้ชาติบ้านเกิด
THE STANDARD ขอแนะนำให้รู้จัก 5 นักเตะคีย์แมนของทีมปีศาจแดงแห่งยุโรป ที่พร้อมจะก้าวขึ้นไปเป็นผู้เล่นระดับท็อปของโลก และอาจพาเบลเยียมไปถึงฝั่งฝัน
ติโบต์ กูร์ตัวส์
ผู้รักษาประตู / 26 ปี / เชลซี
ทุกยอดทีมต้องมีผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้ สำหรับเบลเยียมคือ ติโบต์ กูร์ตัวส์ มือกาวผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายของเรอัล มาดริด กูร์ตัวส์เซ็นสัญญาอาชีพกับเกงค์ทีมในบ้านเกิด ก่อนจะยึดมือหนึ่งพาสโมสรคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ตั้งแต่อายุ 19 ปี
กูร์ตัวส์ย้ายสู่แอตเลติโก้ มาดริดในฤดูกาล 2011/2012 คว้าแชมป์ได้ทั้งลาลีก้า โกป้า เดลเรย์ไปจนถึงสแปนิชซูเปอร์คัพ รวมทั้งยูโรป้าลีก
เรียกได้ว่าฟอร์มดีจน โชเซ มูรินโย ทนไม่ไหวต้องไปคว้ามาเป็นตัวแทน ปีเตอร์ เช็ค ที่ต้องขอย้ายไปอาร์เซนอลหลังการเข้ามาของหนุ่มเบลเยียมเจ้าของความสูง 199 เซนติเมตร
และเจ้าตัวไม่ทำให้ผิดหวัง ตั้งแต่ย้ายมาสิงห์บลูส์ กูร์ตัวส์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้ว 2 สมัย เอฟเอคัพอีก 1 สมัย จนตอนนี้ฟอร์มเข้าตาเรอัล มาดริด ที่มีข่าวว่าต้องการซื้อผู้รักษาประตูระดับท็อปคนใหม่ เพื่อแทนที่ เคเลอร์ นาบาส
เราคงต้องติดตามดูว่าอนาคตกูร์ตัวส์จะไปอยู่ที่ไหน แต่ ณ ตอนนี้ฟุตบอลโลกที่รัสเซีย นายทวารหนุ่มคนนี้จะเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของเบลเยี่ยมในการลุ้นแชมป์โลกแน่นอน
แว็งซ็องต์ กอมปานี
กองหลัง / 32 ปี / แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ปราการหลังคนนี้ คือส่วนสำคัญในการก้าวสู่ความสำเร็จของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ตั้งแต่วันแรกที่เขาเดินเข้ามาในสโมสรเมื่อปี 2008
บุคลิกที่เงียบขรึมของนักเตะชาวเบลเยียมคนนี้ทำให้คนสงสัยในความเป็นซูเปอร์สตาร์ของเขา แต่ความจริงแล้วกอมปานีเป็นหนึ่งในสุดยอดปราการหลังดาวรุ่งของยุคสมัยที่หลายทีมสนใจคว้าตัวไปร่วมทีม แต่สุดท้ายได้เลือกย้ายจากอันเดอร์เลชต์ไปฮัมบูร์ก
แต่ชีวิตในเยอรมันไม่ค่อยสวยงามนัก กอมปานีได้โอกาสลงเล่นไม่มากเท่าที่ควรในสองฤดูกาลกับกับฮัมบูร์ก เนื่องจากมักจะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ ก่อนที่ต่อมาจะย้ายสู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลีกที่มียอดปราการหลังมากมาย แต่กอมปานีก็ค่อยๆ พิสูจน์ให้เห็นถึงฝีเท้าที่แท้จริงของเขา
ทุกอย่างเปลี่ยนไปในฤดูกาล 2011/2012 เมื่อกอมปานีพาแมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเหนือคู่แข่งร่วมเมืองอย่างปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบที่ต้องลุ้นกันถึงนัดสุดท้าย ทำให้ชื่อของกอมปานีกลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก
ในวัย 32 ปี กอมปานีเป็นศูนย์กลางเกมรับของ Golden Generation ด้วยบุคลิกผู้นำและความแข็งแกร่งของเขา ทำให้ทีมที่มีซูเปอร์สตาร์รุ่นใหม่ๆ อยู่ในบรรยากาศที่มีความสุขุมมากขึ้น ประสบการณ์ของเขาจะปัดกวาดคำสบประมาทของผู้คนต่อทีมชาติเบลเยียมได้หรือไม่ ต้องติดตาม
โรเมลู ลูกากู
กองหน้า / 25 ปี / แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ดิดิเยร์ ดร็อกบา เล่าว่า ครั้งแรกที่ได้คุยกับลูกากู เขายังเป็นนักเตะเยาวชนของอันเดอร์เลตช์เท่านั้น และจากคำบอกเล่าของกอมปานีต่อดร็อกบา เจ้าหนูลูกากูในวันนั้นก็มีกองหน้าไอวอรีโคสต์ เป็นฮีโร่ในวัยไต่เต้าฟุตบอลเยาวชน
จากนักเตะเยาวชนของอันเดอร์เลตช์ที่มีชื่อดร็อกบาปักอยู่หลังเสื้อและโปสเตอร์แปะที่ผนัง ไม่กี่ปีผ่านมา เขาได้มานั่งข้างดร็อกบาในห้องแต่งตัวสโมสรเชลซี และได้เป็นเหมือนน้องชายผู้เรียนรู้วิชานับแต่นั้น
แม้จะไม่ประสบความสำเร็จกับสิงห์บลู ลูกากูก็ได้คำแนะนำที่ล้ำค่าจากยอดศูนย์หน้ารุ่นพี่มากมาย หลังจากนั้นไม่นาน เบลเยียมได้ เธียรี อองรี อดีตกองหน้าจอมถล่มประตูจากอาร์เซนอลเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมงานโค้ชอีก
เมื่อเวลาผ่านไป หลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับเอฟเวอร์ตัน ลูกากูเติบใหญ่เป็นนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ ก่อนจะย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 75 ล้านปอนด์ และสามารถทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยทำไป 16 ประตูในฤดูกาลแรก
สำหรับในฟุตบอลโลก ลูกากูทำไปแล้ว 4 ประตู เรียกว่ามีสิทธิ์คว้าดาวซัลโว นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการเป็นศูนย์หน้าที่เข้าใจเกมมากขึ้น มีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น มากกว่าการใช้ความแข็งแกร่งและความเร็วอย่างเดียว
แน่นอนว่าคำแนะนำทั้งหลายที่ถูกถ่ายทอดมาให้เขา ทำให้เขาพร้อมจะพิสูจน์ตัวเองว่าต้องการขึ้นไปอยู่ในจุดเดียวกับเหล่าอาจารย์ของเขาให้จงได้
เอเดน อาซาร์
เพลย์เมกเกอร์ / 27 ปี / เชลซี
“เขามีทุกอย่างแล้ว คำถามว่า เขาสามารถจะเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกได้ไหม ทีมอาจมีส่วนบ้าง แต่หลักๆ มันอยู่ที่เขา” ครั้งหนึ่ง เชส ฟาเบรกาส เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงอาซาร์ต่อคำถามดังกล่าว
เลี้ยงบอลคล่องแคล่ว ยิงได้ทั้งสองเท้า เทคนิคแพรวพราว มีลูกมหัศจรรย์ หนุ่มเบลเยียมหน้าตาดีคนนี้มีคุณสมบัติที่จะสานต่อตำแหน่งของเมสซีหรือโรนัลโดได้ หลังจากสองยอดนักเตะออกจากวงการแล้วไม่แพ้คนอื่นๆ
แต่สิ่งที่คนตั้งคำถามกับอาซาร์เสมอคือ หัวจิตหัวใจที่แข็งแกร่งพอจะรับความกดดันดังกล่าวหรือไม่ หลายๆ เกมที่สำคัญ อาซาร์ไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นความหวังของทีมได้อย่างที่ทีมต้องการ
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้แปลว่า นักเตะที่ดีจำเป็นต้องเล่นกับความกดดันบนบ่าตลอดเวลา ฟุตบอลเป็นเรื่องของทีม และใน Golden Generation อาซาร์อยู่ในระบบและสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมเขาอย่างดี
กับทีมชาติเขามีอิสระในการลงเล่นป่วนแผงหลังในตำแหน่งที่ถนัด เขาสามารถสร้างโอกาสให้ตัวเองและเพื่อนร่วมทีมได้ และเจ้าตัวก็ทำไป 2 ประตู รวมถึงการรับหน้าที่สังหารจุดโทษในเกมกับตูนิเซีย และเป็นผู้แอสซิสต์ให้ มารูยาน เฟลไลนี ทำประตูตีเสมอญี่ปุ่นสำเร็จ โดยที่ตัวเองคือผู้สวมปลอกแขนกัปตันทีม
กับทีมชาติตอนนี้ เขากำลังมั่นใจ
ในเกมหน้าที่ต้องปะทะฝีเท้ากับเนย์มาร์ อาซาร์จะเป็นไฮไลต์ของฟุตบอลโลกครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่หนึ่งในเพชรเม็ดงามที่สุดที่วงการฟุตบอลเบลเยียมเคยมีมา จะได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าคู่ควรกับตำแหน่งยอดนักเตะแห่งยุค กับคู่ปรับที่เก่งที่สุดในเวลานี้
เควิน เดอ บรอยน์
กองกลาง / 27 ปี / แมนเชสเตอร์ ซิตี้
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชอบนักเตะอย่าง พอล สโคลส์, สตีเวน เจอราร์ด หรือแฟรงค์ แลมพาร์ด คุณต้องชอบการเล่นของเควิน เดอบรอยน์ นักเตะคนสำคัญของโรแบร์โต มาติเนซ และกุนซือเป็ป กวาดิโอลา
เควิน เดอ บรอยน์ นั้นอาจจะมีประวัติคล้ายๆ กับคนอื่นรวมๆ กันใน Golden Generation เขาเล่นให้กับเกงค์ ไปล้มเหลวที่เชลซี ผ่านการเล่นในบุนเดสลีก้า และพุ่งทะยานสู่จุดที่เป็นในปัจจุบันกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ไม่ว่าเขาจะผ่านอะไรมา เราบอกเพียงได้ว่า ตอนนี้หากจัดอันดับมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก ชื่อของเขาคงอยู่ใกล้เคียงกับนักเตะอย่าง โทนี โครส หรือลูกา โมดริช กล่าวคือตอนนี้เขาคือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของตำแหน่งตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย
เช่นเดียวกับอาซาร์ เดอ บรอยน์คือนักเตะอย่างที่ระบบเยาวชนที่ดีอย่างเดียวไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ หากแต่ต้องรวมกับพรสวรรค์และทัศนคติที่ดีของตัวนักเตะเองที่จะเล่นให้ได้ในระดับนั้น
มันสมองเยี่ยม อ่านเกมได้ดี เล่นได้ทั้งรุกและรับ วางบอลแม่นยำ มีทีเด็ดลูกยิงไกลเติมเกมไปอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ ความครบเครื่องของเดอ บรอยน์คือทุกอย่างที่มิดฟิลด์ตัวบัญชาเกมควรมี
ในวัย 27 ปี เดอ บรอยน์นั้นอยู่ในวัยที่ดีที่สุดของนักฟุตบอลที่จะแสดงให้โลกเห็นว่า เขาเป็นใครและทำอะไรได้บ้าง และสำหรับคำถามว่า เบลเยียมนั้นจะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลกที่รัสเซียครั้งนี้ โดยเฉพาะเมื่อมีบราซิลเป็นคู่แข่งในนัดถัดไป
อาจต้องให้นักเตะผู้ขับเคลื่อน ‘ยุคทอง’ ของเบลเยียมคนนี้เป็นผู้ตอบ