ความเคลื่อนไหวราคาทองคำในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมากลับมาอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจากที่ราคาทองคำปรับลดลงไปแตะบริเวณ 1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ล่าสุดได้ราคาขยับขึ้นมาทดสอบระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เบญจมา มาอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชชั่นแนล จำกัด (YLG) มองว่า ภาพระยะยาวของทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ส่วนภาพในระยะกลางประมาณ 6 เดือน เป็นลักษณะของการแกว่งตัวลง แต่สำหรับภาพระยะสั้น เราได้เห็นราคาทองคำกลับมาอยู่ในขาขึ้นอีกครั้ง
“ในระยะสั้นทองคำขยับขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,800-1,816 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากยังทะลุไปไม่ได้ อาจเห็นการย่อตัวกลับลงไป”
การฟื้นตัวของราคาทองคำในรอบนี้ได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เงินเยนของญี่ปุ่น หรือเงินฟรังก์ของสวิตเซอร์แลนด์
ทั้งนี้ เป็นผลจากความกังวลในเรื่องความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย ที่ดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้น ซึ่งทางสหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรรัสเซียในด้านต่างๆ เช่น การขึ้นแบล็กลิสต์ การคว่ำบาตรบริษัทรัสเซียกว่า 30 แห่ง การออกกฎไม่ให้ธนาคารสหรัฐฯ ซื้อขายพันธบัตรรัสเซีย รวมถึงการขับนักการทูตของรัสเซียออกไป
ขณะที่ทางรัสเซียก็เริ่มมีการเติบโตในแนวทางคล้ายกัน ขณะที่ วลาดิเมียร์ ปูติน นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ได้ออกมาเตือนว่า หากมีการล้ำเส้น รัสเซียจะดำเนินการตอบโต้อย่างรุนแรง นอกจากนี้ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ก็ยังคงไม่ได้หมดไปเช่นกัน
“กลยุทธ์การลงทุนในทองคำเวลานี้ หากราคายังยืนเหนือ 1,760 ดอลลาร์ การย่อตัวจะเป็นโอกาสเข้าซื้อ แต่หากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาผลักดันราคา นักลงทุนควรแบ่งขายเพื่อลดความเสี่ยง เมื่อราคาขยับขึ้นไปใกล้แนวต้านสำคัญต่างๆ เช่น 1,810 ดอลลาร์ หรือ 1,880 ดอลลาร์”
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในระยะถัดไปคือ ‘เงินเฟ้อ’ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการเพิ่มขึ้นบ้างแล้ว จากตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐฯ เช่น ดัชนี CPI โดยช่วงต่อจากนี้ตลาดยังคงจับตาดูว่าการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อเป็นเพียงชั่วคราวหรือไม่ หากเริ่มเห็นเงินเฟ้อขยับเข้าใกล้ 3% และไม่มีมาตรการใดๆ ของธนาคารสหรัฐฯ ออกมาเพิ่มเติม อาจเห็นเงินลงทุนไหลเข้าทองคำมากขึ้น
ด้าน สรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มองว่า ในเชิงเทคนิคอาจเห็นราคาทองคำพักฐานบริเวณ 1,800-1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่เชื่อว่าความเสี่ยงไม่มากนัก และการย่อของราคาจะเป็นโอกาสเข้าซื้อ โดยหลักหนุนจาก 3 ปัจจัย ได้แก่
1. การอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ หลังจากที่ตัวเลขผู้ติดโควิด-19 ทั่วโลกต่อวัน เพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่อีกครั้งที่ระดับ 8.5 แสนราย โดยเฉพาะการเร่งตัวขึ้นในยุโรป อินเดีย และญี่ปุ่น
2. การอ่อนค่าของราคาบิตคอยน์ ซึ่งที่ผ่านมามีนักลงทุนบางส่วนขายทองคำเข้าไปเก็งกำไรในบิตคอยน์ แต่ที่ราคาบิตคอยน์เริ่มปรับลงมา ทำให้เงินลงทุนไหลกลับมาที่ทองคำอีกครั้ง
3. ความเสี่ยงเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งจะเริ่มเข้มข้นมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป หลังจากที่แต่ละประเทศเริ่มกระจายวัคซีนกันได้ในระดับหนึ่ง
“รอบนี้ทองคำปรับขึ้นมาค่อนข้างเร็ว และอาจเห็นการพักฐานบริเวณนี้ แต่หลังจากพักฐานแล้วจะกลับขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดเดิมได้หรือไม่ ส่วนตัวยังไม่เห็นภาพนั้น เว้นแต่ว่าจะมีความเสี่ยงเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีน”
ส่วนเรื่องของเงินเฟ้อ ในปีนี้ราคาทองคำตอบรับไปแล้วคาดหวังที่ระดับ 2.5% แต่หากเงินเฟ้อทะลุระดับนี้และปรับขึ้นไปต่ออย่างรวดเร็ว อาจต้องระมัดระวังเรื่องของการดูดซับสภาพคล่องกลับ ซึ่งอาจเกิดขึ้นช่วงไตรมาส 1/65 หากเกิดขึ้นจะเป็นประเด็นบวกต่อราคาทองคำ
ขณะที่ภาพระยะสั้นมีโอกาสที่ทองคำจะ Outperform ในเดือนพฤษภาคม สวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งน่าจะพักฐานช่วงสั้นในเดือนพฤษภาคมเช่นกัน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล