ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 13 เดือน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบระดับ 2,075.47 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมปี 2020
สำหรับปัจจัยหนุนที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นในช่วงนี้คือ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย และการคาดการณ์ของตลาดที่มองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะหยุดขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
ตัวเลขการจ้างงานในเดือนกุมภาพันธ์ของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งสนับสนุนแนวคิดว่า Fed จะผ่อนคลายการขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ ทำให้นักลงทุนหันมาถือสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น
“ราคาทองคำกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงวิกฤตในภาคการธนาคาร และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้คนหันมาถือสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น” David Lennox นักวิเคราะห์จาก Fat Prophets ระบุ
ทั้งนี้ ราคาทองคำ Spot ในตลาดสิงคโปร์ช่วงเช้าที่ผ่านมา ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2,021.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาแร่เงินและแพลทินัมปรับเพิ่มขึ้น ส่วนราคาพาลาเดียมปรับลดลงเล็กน้อย
มูลค่าตลาดของ ‘โทเคนทองคำ’ ทะลุ 3 หมื่นล้านบาท
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (4 เมษายน) จากข้อมูลของ CoinGecko เผยว่า มูลค่าโทเคนทองคำพุ่งทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3 หมื่นล้านบาท หลังราคาทองคำขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิม
โดยโทเคนทองคำถือได้ว่าเป็นหนึ่งในประเภทของ Stablecoin ที่มีการค้ำประกันมูลค่ากับทองคำแบบ 1:1 ที่ให้นักลงทุนสามารถซื้อทองคำในสัดส่วนที่ต้องการได้
ซึ่ง 2 โทเคนทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในขณะนี้คือ PAX Gold (PAXG) ที่ออกโดยบริษัท Paxos Trust และ Tether Gold (XAUT) ที่ออกโดยบริษัท Tether
ณ ขณะนี้ สำหรับโทเคน PAXG มีมูลค่าตามตลาดราว 518 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.55 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ XAUT มีมูลค่าตามตลาดราว 499 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.49 หมื่นล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘ทองคำ’ กำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญ และอาจกลายเป็น ‘ทางรอด’ ของประเทศที่ถูกควํ่าบาตร
- ทองคำ กำลังไหลเข้าเอเชีย ท่ามกลางดอกเบี้ยโลกที่กำลังขึ้นต่อเนื่อง
- แบงก์ชาติจีน ‘ตุนทองคำเพิ่ม’ เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน หลังกลับมาซื้อครั้งแรกรอบ 3 ปี
อ้างอิง: