เดือนสิงหาคม 2025 เปิดฉากขึ้นพร้อมกับความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ในตลาดโลก โดยเริ่มจากการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ (Non-Farm Payrolls) ในเดือนกรกฎาคม ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 73,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดการณ์ 106,000 ตำแหน่ง อีกทั้งยังมีการปรับตัวเลขในเดือนมิถุนายนและพฤษภาคม ลดลงไปรวมแล้วมากถึง 258,000 ตำแหน่ง ซึ่งทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นถึง 73 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (+2.22%) จาก 3,290 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับ 3,363 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันดังกล่าว และยังทำระดับสูงสุดรายสัปดาห์ที่ 3,409 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางกระแสที่ Donald Trump กดดันให้ Jerome Powell ลาออกจากประธาน Fed
หลังจากนั้น แม้ว่าราคาทองคำจะซึมตัวลงบ้างในช่วงกลางเดือนสิงหาคม จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ รัสเซีย-ยูเครน ได้บรรเทาลงจากการเดินหน้าเจรจาของ Donald Trump กับทั้งฝั่ง Vladimir Putin ปธน.รัสเซีย และ Volodymyr Zelenskyy ปธน.ยูเครน
อย่างไรก็ดี ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สนับสนุนให้ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ย นั้นกลายมาเป็นปัจจัยหลักที่ตลาดให้ความสำคัญ เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐนั้นอ่อนแอลง ขณะที่ Fed ไม่ได้แสดงความกังวลต่อความเสี่ยงในอัตราเงินเฟ้อมากนัก และยังถูกตอกย้ำอย่างชัดเจนจากการกล่าวของ Jerome Powell ในการประชุม Jackson Hole ว่าความเสี่ยงด้านการจ้างงานกำลังเพิ่มขึ้น และภาษีศุลกากรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับราคาเพียงครั้งเดียว ‘ความสมดุลของความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป อาจจำเป็นต้องปรับนโยบาย’ การกล่าวสุนทรพจน์ในเชิงผ่อนคลาย (Dovish) จึงทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และหนุนโมเมนตัมทองคำให้กลับมามีแนวโน้มที่สดใสอีกครั้ง
อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าสนใจคือ การประชุม Fed ในเดือนกรกฎาคม มีผู้ว่าการ Fed สนับสนุนให้ปรับลดดอกเบี้ย คือ Christopher Waller และ Michelle Bowman โดยเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเรียกว่า ‘Dovish Dissent’ และตามสถิติตั้งแต่ปี 1987 เกิดเหตุการณ์ Dovish Dissent จากผู้ว่าการ Fed เพียงแค่ 14 ครั้ง ซึ่งจะตามมาด้วยการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed ลงถึง 0.50% ในสามเดือนข้างหน้า
ในเดือนกันยายน สิ่งที่ตลาดรอจับตามากที่สุด จึงเป็นการประชุม Fed ในวันที่ 17-18 โดย CME FedWatch Tool บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 88% ที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% นอกจากนี้ จะมีการเปิดเผย Dot Plot ที่ระบุคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งนักลงทุนต่างรอจับตาขนาดการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ว่าจะอยู่ที่ 0.50% เท่ากับ Dot Plot ในครั้งก่อน หรือจะเพิ่มขนาดการปรับลดดอกเบี้ยเป็น 0.75% ซึ่งจะขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ Fed ทั้งหมดว่าจะทำการโหวตที่ระดับเท่าใด
ความเป็นไปได้ที่ Fed จะมีท่าทีผ่อนคลายลงนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ จากการเข้าแทรกแซงของ Donald Trump ไม่ว่าจะเป็นการกดดันให้ Jerome Powell ลาออก และการสั่งปลด Lisa Cook หนึ่งในผู้ว่าการ Fed ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ 111 ปี นับตั้งแต่ Fed ได้ก่อตั้งขึ้น รวมไปถึงการลาออกของ Adriana Kugler ผู้ว่าการ Fed และแต่งตั้งคนสนิทอย่าง Stephen Miran เข้ามาแทนตำแหน่งชั่วคราว ความพยายามที่จะมีอิทธิพลต่อนโยบายการเงิน นอกจากจะเพิ่มโอกาสในการลดดอกเบี้ย Fed แล้วยังไปบั่นทอนความเป็นอิสระของ Fed ปัจจัยดังกล่าวจึงส่งผลบวกต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ คณะผู้ว่าการ Fed ทั้งหมด 7 ท่าน จะถูกจับตามากขึ้น หาก Donald Trump สามารถแต่งตั้งคนใกล้ชิดที่สนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงิน (Dovish) มาแทนที่ผู้ว่าการ Fed ทั้งสองท่าน (Lisa Cook และ Adriana Kugler) ได้สำเร็จ เนื่องจาก Christopher Waller และ Michelle Bowman นั้นมีจุดยืนที่ Dovish อย่างชัดเจน
ดังนั้น เสียงส่วนใหญ่จะกลายเป็นสาย Dovish ทันที (4 ต่อ 3) และสถานการณ์ดังกล่าว จะเป็นแรงหนุนต่อราคาทองคำให้ลุ้นปรับตัวขึ้นทำ All Time High ได้ต่อ สู่เป้าหมายถัดไปของ YLG ในปีนี้ที่ระดับ 3,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ภาพ: spawns/Getty Images