×

ทองคำไทย ‘ขาขึ้นถึงปีหน้า’ แม้ล่าสุดราคาทะลุ 54,000 บาทไปแล้ว อานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง เศรษฐกิจโลกเปราะบาง ส่งผลคนแห่ตุนทอง เฉพาะครึ่งปีแรกดีมานด์พุ่ง 21% ดันไทยติด Top 10 โลก จ่อแตะ 56,000 บาทสิ้นปี

11.09.2025
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • ไทยครองอันดับ 10 ของโลก และอันดับ 4 ของเอเชียด้านความต้องการทองคำ โตเร็วที่สุดในโลกต่อเนื่อง 4 ปี
  • ราคาทองคำไทยทะลุ 54,000 บาทต่อบาททองคำ คาดสิ้นปีขึ้นได้ถึง 56,000 บาท จากแรงหนุนดอกเบี้ยขาลง ดอลลาร์อ่อน และแรงซื้อจาก ETF-ธนาคารกลาง
  • พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน สู่การลงทุนทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทองชิ้นเล็ก และโครงการออมทอง
  • World Gold Council ชี้ ไทยมีศักยภาพเป็น ‘เสาหลักทองคำ’ ของโลกเคียงข้างจีนและอินเดีย

 

ตลาดทองคำไทยยังคงรักษาโมเมนตัมความร้อนแรง ทั้งจากแรงหนุนของเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง และแรงซื้อในประเทศที่เติบโตต่อเนื่อง ล่าสุดราคาทองคำทะลุระดับ 54,000 บาทต่อบาททองคำ และมีโอกาสพุ่งถึง 56,000 บาทในสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกันดีมานด์ทองคำครึ่งปีแรกของไทยพุ่งขึ้น 21% จากปีก่อน ส่งผลให้ไทยติดอันดับ Top 10 ตลาดทองคำโลก และเป็นประเทศเดียวที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอด 4 ปีหลังโควิด ยืนยันบทบาทผู้นำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีศักยภาพก้าวสู่ศูนย์กลางทองคำระดับโลก

 

ราคาทองคำในประเทศไทยยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดทะลุระดับ 54,000 บาทต่อบาททองคำมาแล้ว ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน 

 

เปิด 4 ปัจจัยดันราคาทองคำขาขึ้นยาวถึงปีหน้า

 

ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง ระบุว่า ปัจจัยสำคัญ 4 ประการที่หนุนราคาทองคำ ได้แก่ 

 

  1. สงครามการค้าและนโยบายภาษีสหรัฐฯ: ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะมาตรการภาษีในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างแรงกดดันและความไม่แน่นอนในระบบการค้าโลก นักลงทุนจึงหันเข้าหาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

 

  1. ทิศทางดอกเบี้ยขาลง: ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีแนวโน้มเร่งปรับลดดอกเบี้ยมากกว่าที่คาด จากเดิมที่ประเมินว่าจะลดเพียง 0.5% ปีนี้ เริ่มมีการคาดการณ์อาจลดถึง 0.75% ซึ่งเป็นแรงบวกต่อทองคำ เนื่องจากราคาทองมักเคลื่อนไหวสวนทางกับดอกเบี้ย

 

  1. ความเชื่อมั่นในดอลลาร์สหรัฐลดลง: การเมืองภายในประเทศสหรัฐฯ และการแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานอิสระ เช่น Fed ทำให้ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของดอลลาร์สหรัฐถดถอย เกิดกระแสการค้าขายระหว่างประเทศโดยใช้สกุลเงินอื่นแทนดอลลาร์ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ

 

  1. แรงซื้อจาก ETF และธนาคารกลาง: ปีนี้กองทุน ETF ทองคำและธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองยิ่งแข็งแรงขึ้น

 

บรรยาย: ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง

ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง

 

ธนรัชต์​ กล่าวเพิ่มอีกว่า พฤติกรรมผู้บริโภคในไทยกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยคนรุ่นใหม่หันมาซื้อทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โครงการออมทอง และการถือครองทองคำชิ้นเล็กหรือแบบเศษส่วน (fractional gold) มากขึ้น สอดรับกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและการเชื่อมต่อกับระบบธนาคารพาณิชย์ ขยายการเข้าถึงทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

 

ดีมานด์ทองคำไทยโตเร็วที่สุดในโลก

 

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ทิศทางความต้องการทองคำในประเทศไทยปี 2568 ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2567 ที่มีความต้องการทองคำของไทยเพื่อการบริโภค (ไม่รวมอุปสงค์จากธนาคารกลาง) สูงถึง 49 ตัน เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อัตราการเติบโต 13% นี้ถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในโลกในปี 2567 ส่งผลให้ช่วงดังกล่าวความต้องการทองคำเพื่อการบริโภคของไทยอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลก และอันดับที่ 4 ของเอเชีย 

 

ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นประเทศเดียวในโลกที่ความต้องการทองคำเพื่อการบริโภคเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 ปี นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในปี พ.ศ. 2564 – 2567

 

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG)

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG)

 

ขณะเดียวกันปี 2568 ภาพรวมครึ่งปีแรกความต้องการทองคำเพื่อบริโภคของไทยอยู่ที่ 20.7 ตัน เติบโต 21 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงคาดการณ์ว่าทิศทางการเติบโตของไทยปีนี้ทั้งปีจะไม่ต่ำกว่าปี 2567 แน่นอน โดยเฉพาะความต้องการทองคำเพื่อการลงทุน เนื่องจากทิศทางทองคำปีนี้ยังมีแนวโน้มขาขึ้นชัดเจน แม้ว่าล่าสุดจะทำจุดสูงสุดใหม่ทะลุ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ไปแล้ว แต่ยังมีโอกาสขึ้นไปหาเป้าหมายระดับบนที่ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ 

 

ขณะที่ทองคำแท่งในประเทศมองว่าภายในสิ้นปีนี้มีโอกาสแตะระดับ 56,000 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งถือว่าไม่หวือหวามากเนื่องจากค่าเงินบาทในระยะนี้กลับมาแข็งค่า

 

อย่างไรก็ดี จากการสำรวจล่าสุดพบว่านักลงทุนไทย 100% มีจำนวน 97% ที่ลงทุนในทองคำ ในกลุ่มนี้มี 20% ที่เข้ามาลงทุนทองคำโดยที่ไม่เคยซื้อทองคำมาก่อน และมี 77% ที่ลงทุนทองคำโดยที่เคยซื้อทองคำมาแล้ว ขณะเดียวกันมีเพียง 3% ที่ไม่คิดลงทุนและซื้อทองคำ โดยให้เหตุผลว่าความรู้และความสามารถในการซื้อมีจำกัด รวมถึงไม่ทราบถึงทางเลือกการลงทุนทองคำที่จับต้องได้และราคาไม่แพง รวมถึงนักลงทุนทองคำเกือบครึ่งหนึ่งกังวลเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ทองคำ เช่น สินค้าปลอม และ กังวลเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ที่ไม่มีการรับประกันความปลอดภัย รวมถึงกังวลด้านการเก็บรักษาทองคำให้ปลอดภัย

 

สร้างมาตรฐาน-ยกระดับตลาด

 

ท่ามกลางความร้อนแรง สมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทยได้เดินหน้าจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลตนเอง (Self-Regulatory Organization: SRO) เพื่อสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรม ป้องกันปัญหาทองปลอม ความไม่โปร่งใสของราคา และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายย่อย รวมถึงผลักดัน ‘Asia Gold Fixing’ เพื่อสร้างมาตรฐานอ้างอิงของตลาดทองคำอาเซียน

 

โดย World Gold Council ประเมินว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทย กำลังกลายเป็น ‘เสาหลักที่สาม’ ของตลาดทองคำโลก เคียงข้างจีนและอินเดีย ด้วยความต้องการภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ผู้เล่นในอุตสาหกรรมที่เชื่อถือได้ และการพัฒนาสู่ดิจิทัลและมาตรฐานสากล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising