หนึ่งในประเด็นร้อนของโลกเศรษฐกิจ ณ ขณะนี้ (ปี 2025) คงหนีไม่พ้นการขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ในรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ หรือที่ถูกเรียกว่า Reciprocal Tariff ทำให้เกิดผลกระทบกันในวงกว้างและกระทบต่อหลายประเทศ เช่น จีน (104% เนื่องจากจีนขึ้นภาษีโต้กลับ), กัมพูชา (49%) และเมียนมา (44%) ซึ่งรวมถึงประเทศไทย (36%) ด้วยเช่นกัน การขึ้นภาษีในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐฯ เองและ เศรษฐกิจโลกโดยรวมอย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า แล้วเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเฉพาะในรัฐบาลของ โดนัลด์ ทรัมป์ หรือไม่ คำตอบก็คือไม่ใช่
แต่ประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอย โดยในช่วงปี 1930 ช่วงเวลาก่อนภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ หรือ The Great Depression ในสหรัฐฯ ไม่นาน เคยมีการขึ้นกำแพงภาษีที่เรียกว่า Smoot-Hawley Tariff Act มาแล้ว ซึ่งเป็นการขึ้นกำแพงภาษีไปในระดับสูง (ราว 40%) ใกล้เคียงกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปัจจุบัน
ซึ่งผลจากการขึ้นกำแพงภาษีดังกล่าวนำไปสู่ดัชนีหุ้นของสหรัฐฯ ที่ลดลงจาก 120 จุดถึง 20 จุดภายใน 2 ปี และการลดลงของการค้าโลกลง 66% ใน 4 ปี เป็นผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ (The Great Depression) ก่อนจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ในภายหลัง
ในบทความนี้ทีมงาน THE STANDARD WEALTH อยากพาไปเทียบเคียงเหตุการณ์ระหว่างปี 2025 กับเหตุการณ์ Smoot-Hawley ในช่วงปี 1930 กัน
ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย