ความต้องการใช้ทองคำทั่วโลก ประกอบไปด้วยอุปสงค์จาก 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. ภาคเครื่องประดับ 2. ภาคเทคโนโลยี 3. ภาคการลงทุน (ถูกแบ่งออกเป็นการลงทุนใน ETF ทองคำ และการลงทุนทองคำแท่งและเหรียญทอง) 4. ภาคธนาคารกลาง โดยจากรายงานล่าสุดของสภาทองคำโลก หรือ World Gold Council บ่งชี้ว่าอุปสงค์ทองคำในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2021 สู่ระดับ 1,234 ตัน
แม้ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องในปีนี้ แต่นับว่าการเข้าซื้อในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ ลดลง 29% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในไตรมาส 1 ของปีนี้ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำ 84 ตัน นำโดยอียิปต์เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด โดยมีปริมาณทองคำสำรองเพิ่มขึ้น 44 ตัน
แม้ทองคำจะดึงดูดความสนใจเพิ่มเติมในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยง ท่ามกลางพยายามของธนาคารกลางทั่วโลกในการลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้าลงและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอาจขัดขวางความต้องการทองคำของธนาคารกลางในระยะสั้น
ด้านความต้องการลงทุนทองคำในภาคทองคำแท่งยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าตลาดจะได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้นและความต้องการทองคำที่อ่อนแอจากจีน เนื่องจากจีนยังคงต้องรับมือกับการระบาดของโควิด ทำให้ความต้องการทองคำในภาคการลงทุนด้านทองคำแท่งในไตรมาส 1 อยู่ที่ 282 ตัน ซึ่งลดลง 20% เมื่อเทียบกับความต้องการในช่วงไตรมาสแรกของปีที่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับแนวโน้มระยะยาวพบว่าความต้องการการลงทุนด้านทองคำแท่งยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะ 5 ปีอยู่ราว 11% เลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำที่สูงขึ้นและสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนกลับส่งผลกระทบต่อความต้องการทองคำในภาคเครื่องประดับอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ความต้องการทองคำในภาคเครื่องประดับทองคำทั่วโลกอยู่ที่ 474 ตัน ลดลง 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นำโดยความต้องการที่ลดลงจากจีนและอินเดียที่คิดเป็นสัดส่วนราว 55-60% ของการบริโภคทองคำในภาคเครื่องประดับรายไตรมาสทั้งหมด
แม้ความต้องการทองคำในด้านอื่นจะซบเซาลง แต่ปริมาณความต้องการทองคำโดยรวมกลับปรับตัวสูงขึ้นได้ นำโดยอุปสงค์ทองคำในภาค ETF ที่เติบโตขึ้นอย่างมากจนช่วยชดเชยอุปสงค์ทองคำในภาคอื่นๆ ได้ โดยนักลงทุนได้กระโดดเข้าสู่การลงทุนในภาคกองทุน ETF ทองคำ ทำให้ ETF ทองคำทั่วโลกมีการถือครองทองคำเพิ่มขึ้น 269 ตัน ซึ่งเป็นการไหลเข้าของเงินทุนรายไตรมาสที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2020
ทั้งนี้ World gold Council ระบุว่าความแข็งแกร่งของราคาทองคำ ความอ่อนแอของตลาดหุ้น การคาดการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่คาดคิดในช่วงไตรมาส 1 เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของความต้องการด้านการลงทุน ETF ทองคำ ถึงแม้ว่าทองคำจะเผชิญกับปัจจัยลบอย่างอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอาจต้องติดตามต่อว่าอุปสงค์ทองคำในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้จะเป็นเช่นไร เบื้องต้นหากอุปสงค์ทองคำในภาค ETF ทองคำยังคงแข็งแกร่ง อาจช่วยลดผลกระทบจากอุปสงค์ในภาคเครื่องประดับที่ซบเซาลงได้ ซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับราคาในอีดทางหนึ่ง ในทางกลับกัน หากเริ่มเห็นกระแสเงินทุนไหลออกจากกองทุน ETF ทองคำก็จะเป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนทองคำเพิ่มความระมัดระวังในการถือครองสถานะเช่นกัน
อ้างอิง:
- World Gold Council
