จากข้อมูลของ Bloomberg เผยว่า นักลงทุนต่างชาติเริ่มพลิกกลับมาเทขาย หุ้นจีน อีกครั้ง หลังจากที่เป็นการซื้อสุทธิมาต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ยังชะลอตัว แม้นโยบายจากรัฐบาลจะเริ่มผ่อนคลายลงแล้วก็ตาม
ตลอดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กองทุนทั่วโลกได้ขายหุ้นจีนและบางส่วนในฮ่องกง คิดเป็นมูลค่าการขายสุทธิ 6.8 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.38 แสนล้านบาท
และในช่วงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (27 มิถุนายน) การไหลออกของเงินทุนส่งผลให้ดัชนี CSI 300 ของตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงไปมากกว่า 6% นับจากจุดสูงสุดในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการปรับตัวลดลงของดัชนี MSCI ของประเทศจีน
การปรับทิศของเงินทุนและราคาของดัชนีหุ้นจีนในช่วงวันก่อนถือได้ว่าเป็นการกลับทิศของตลาดหุ้นจีนครั้งแรกของปี จากการที่ในช่วงต้นปีนักลงทุนคาดหวังว่ารัฐบาลจีนจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยยาแรง ในขณะที่นักลงทุนที่ถือหุ้นต่อคาดว่าการประชุมในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมจะมีนโยบายใหม่ที่มาผลักดันเศรษฐกิจจีนได้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่เข้มข้นให้สามารถตอบรับความต้องการและความหวังของนักลงทุนได้ เพื่อให้มุมมองต่อตลาดพลิกกลับมาดีได้อีกครั้ง
Xin-Yao Ng ผู้อำนวยการการลงทุนของ Abrdn ประเมินว่า ในช่วงก่อนหน้านี้ที่ภาพของการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนผ่านนโยบายด้านอสังหา ทำให้นักลงทุนมีความคาดหวังเชิงบวกว่าเศรษฐกิจจีนจะเริ่มกลับมา ผลักดันให้ราคาหุ้นจีนปรับตัวขึ้นมานับตั้งแต่ต้นปี แต่หลังจากนี้นักลงทุนอาจต้องประเมินอย่างรอบคอบ และดูว่านโยบายจากรัฐบาลจีนอาจไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจจีนอย่างที่คาดหวังกันไว้
อ้างอิง: