สถานการณ์ในตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นอีกครั้งและกลับมาอยู่ในเรดาร์ความสนใจของทั่วโลก เมื่อกลุ่มติดอาวุธฮามาสในปาเลสไตน์เปิดฉากโจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ตุลาคม) โดยระดมยิงจรวดหลายพันลูกจากฉนวนกาซา พร้อมทั้งส่งกองกำลังติดอาวุธหลายสิบคนแทรกซึมเข้าไปโจมตีในหลายเมืองทางตอนใต้ของอิสราเอล รวมถึงจับตัวประกันไว้หลายคน ซึ่งเป็นพี่น้องแรงงานไทยด้วยจำนวนหนึ่ง
มีการตั้งข้อสังเกตว่า การสู้รบครั้งนี้ตึงเครียดและน่ากังวลกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะในอดีตนั้นฝ่ายปาเลสไตน์มีแค่การโจมตีทางอากาศเช่นการยิงจรวดใส่อิสราเอล แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่ส่งทหารแทรกซึมภาคพื้นอย่างในครั้งนี้ โดยกลุ่มฮามาสได้ยึดคืนพื้นที่บางส่วน และจับทหารอิสราเอลเป็นตัวประกันเพื่อต่อรองและแลกเปลี่ยนนักโทษ ท่ามกลางข้อสงสัยที่ว่าหน่วยข่าวกรองของอิสราเอลซึ่งขึ้นชื่อว่าเก่งกาจเป็นอันดับต้นๆ ของโลกพลาดเรื่องใหญ่เช่นนี้ไปได้อย่างไร
จนถึงตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายยังคงมุ่งไปสู่เป้าหมายของตัวเอง นั่นคือการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นซาก และเดินหน้าปฏิบัติการสู้รบชนิดถึงไหนถึงกัน โดยอิสราเอลมองว่าฮามาสโจมตีดินแดนของตน และประกาศว่าอยู่ในภาวะสงคราม พร้อมโจมตีกาซาอย่างหนักหน่วง ซึ่งการใช้คำว่า ‘สงคราม’ เป็นสัญญาณว่าจะรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และความสูญเสียในกาซาจะทวีคูณกว่าหลายทศวรรษที่ผ่านมา Global Focus สัปดาห์นี้ขอพาทุกท่านไปทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ กับการแย่งชิงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่หยั่งรากลึกและเรื้อรังมายาวนานหลายชั่วอายุคน