เดินทางสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก สำหรับ Giuseppe Zanotti แบรนด์รองเท้าหรูสัญชาติอิตาลีที่คนดังอย่าง Madonna, Lady Gaga, Beyoncé, Jennifer Lopez และ G-DRAGON เลือกใส่ โดยครั้งนี้ THE STANDARD POP มีโอกาสพิเศษพูดคุยกับเจ้าของแบรนด์อย่าง Giuseppe Zanotti นักออกแบบรองเท้าผู้มากประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการรองเท้าและอาชีพของตัวเองมานานกว่า 30 ปี
บทสัมภาษณ์นี้จะพาทุกคนไปซึมซับถึงเรื่องราวของ Giuseppe Zanotti ทั้งความท้าทายและความสุขในการสร้างคอลเล็กชัน บาลานซ์ชีวิตส่วนตัวและการทำงาน รวมไปถึงการสำรวจแนวทางใหม่ๆ เพื่อมุ่งเน้นไปที่แนวคิดสร้างสรรค์ ซึ่งมุมมองของเขาจะเป็นอย่างไร เรามาลองสำรวจโลกของเขาผ่านบทสนทนาในครั้งนี้ไปพร้อมๆ กันเลย
คุณรู้สึกอย่างไรบ้างกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของแบรนด์
มันเป็นเวลานานมาแล้วจนถึงตอนนี้ ถือว่าเป็นชีวิตที่เข้มข้นมากเลยละ ผมผ่านการเดินทางมาบ่อยมาก เกิดการร่วมมือกับหลายฝ่ายมามากมาย ดังนั้นผมจึงได้พบปะผู้คนอย่างหลากหลาย และยังมีความท้าทายในการสร้างคอลเล็กชันหรือ 2 คอลเล็กชันต่อปี ก่อนหน้านี้มันยาก แต่ตอนนี้มันเป็นเรื่องปกติแล้ว
และผมก็ภูมิใจและมีความสุขที่ได้ทำเป้าหมายนี้หลังผ่านมาแล้ว 30 ปี ผมยังมีพลังงานในร่างกายและจิตวิญญาณต่อการคิดถึงอนาคต และยังคงคิดเกี่ยวกับรองเท้าใหม่ๆ เรื่องราวใหม่ๆ คอลเล็กชันใหม่ๆ ในแวดวงแฟชั่นน่ะ คุณจะไม่มีวันพอใจหรอก เพราะคุณมักจะต้องการอะไรมากกว่านี้อยู่เสมอ
คุณคิดว่าอะไรที่ทำให้ Giuseppe Zanotti แตกต่างจากคู่แข่งคนอื่น และอยู่มาได้นานขนาดนี้
ตลาดนี้มีคู่แข่งหลายคนก่อนที่ผมจะเริ่มแบรนด์ เช่น Manolo Blahnik ที่อายุมากกว่าผม และเป็นคู่แข่งที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังมี Jimmy Choo กับ Christian Louboutin ที่อายุของแบรนด์ก็ถือว่าน้อยกว่าเรา ผมมองว่ามันเป็นเรื่องดีที่จะมีการแข่งขัน เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเดียวกัน มีนักออกแบบรองเท้าจำนวนมาก และในกรณีของ Giuseppe Zanotti เราเป็นทั้งผู้ผลิตและมีเมซงเป็นของตัวเองที่เต็มไปด้วยนักออกแบบ มีคนสอนวิชาการทำรองเท้าและทำงานปักด้วย ซึ่งนี่คือคุณค่าของบริษัทเรา
เราสามารถทำอะไรก็ได้ หรือดีไซน์รองเท้าที่ผมต้องการ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมจึงเริ่มจากสินค้าฝั่งผู้หญิงแล้วค่อยย้ายไปที่ผู้ชาย ผมมีความยืดหยุ่นมากในแง่ของการผลิต ในแง่ของการออกแบบ คุณสามารถทำสิ่งนี้ได้ตามที่คุณต้องการ แต่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกและความสามารถในการทำ
และเป็นเรื่องดีนะที่มีคนในทีม โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่เพิ่งจะเริ่มต้นอาชีพ ผมคิดว่าบางครั้งผมได้รับคำถามและผู้คนต้องการคำแนะนำ ซึ่งผมก็เปิดใจมากที่จะให้คำแนะนำกับผู้คน รวมถึงทีมออกแบบของตัวเอง ผมมีทีมที่อายุน้อยเหมือนคุณ พวกเขาคือส่วนหนึ่งของงานของเราและผมไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ตลอดไปด้วย แต่ตอนนี้ผมยังคงมีพลังงานสำหรับการสอนอยู่ บางครั้งผมก็ไปที่โรงเรียนเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ในแง่มุมเกี่ยวกับประสบการณ์ของผม กรณีศึกษาของผม
การทำรองเท้าให้ป๊อปไอคอนอย่าง Lady Gaga ไปจนถึง G-DRAGON แตกต่างอย่างไรกับการดีไซน์ให้แบรนด์ Giuseppe Zanotti
เพราะ Giuseppe Zanotti เป็นแบรนด์แรกๆ ที่ได้ดีไซน์รองเท้าให้นักดนตรีหรือศิลปิน เราเลยต้องคิดเสมอว่าเรากำลังทำรองเท้าให้ใครใส่ อย่าง Lady Gaga และ Beyoncé ก็เป็นศิลปินที่แตกต่างกัน หรือจะ Miley Cyrus ที่ก็แตกต่างจาก Michael Jackson ทุกคนมีเฉดสีเป็นของตัวเองหมด
บางครั้งผมจำเป็นต้องกระโดดขึ้นสู่โลกของศิลปิน จากนั้นก็ต้องศึกษาและหาข้อมูลและข้อเสนอแนะให้ตัวเองด้วย มันเหมือนกับนักแสดง เวลาพวกเขาอยู่ในขั้นตอนของภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณจะต้องทั้งศึกษาและเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะคุณเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้
ดังนั้นผมก็จำเป็นต้องลบเลือนภาพคอลเล็กชันของตัวเองไปด้วยเมื่อต้องทำงานร่วมกับคนอื่น โดยเฉพาะเวลาเตรียมคอนเสิร์ตให้ใครบางคน มันยากนะ เพราะจะมีการเปลี่ยนเสื้อผ้ารวมถึงบรรยากาศที่แตกต่างกันไป บางคนมาในแนวร็อก บางทีมาในมู้ดโรแมนติก พวกเขาจำเป็นต้องดูดซับพลังงานเหล่านี้ไว้มากๆ เพื่อแสดงตัวตนที่อยากจะสื่อสาร ดังนั้นผมเลยต้องเตรียมรองเท้าสำหรับศิลปินคนนั้นคนนี้ จนบางครั้งไม่มีเวลาให้ตัวเองเลย
เพราะเมื่อผมกลับมา ผมต้องทำงานกับคอลเล็กชันของตัวเองต่อ และผมก็ต้องการพักผ่อนสัก 2-3 วันก่อนเริ่มทำคอลเล็กชันของเรา อ๋อ และนี่ก็เป็นครั้งแรกในปีนี้ที่ผมตัดสินใจหยุดเป็นเวลา 6 เดือนหรืออาจจะ 9 เดือน ก่อนจะอุทิศเวลาทั้งหมดของตัวเองให้กับคอลเล็กชันของผมเท่านั้น
ถ้าคุณสามารถเลือกให้ใครก็ได้ใส่รองเท้า Giuseppe Zanotti ไม่ว่าจะตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ คุณจะเลือกใคร
ผมขอตอบเป็นยุคอดีตแทนแล้วกันนะ เพราะในอดีตมีคนที่มีชื่อเสียงมากมายเลย เช่น Greta Garbo ที่เป็นนักแสดง เธอสวย น่าทึ่ง และเป็นคนที่ไม่เหยียดสีผิว
เคยมีรองเท้าสไตล์ไหนที่คุณไม่สนใจออกแบบไหม
ไม่มีเลย เพราะผมจะทำในสิ่งที่ผมชอบ บางทีคนอื่นอาจไม่ชอบ เช่น เมื่อผมทำงานร่วมกับคนอื่น ในอดีตผมได้ออกแบบรองเท้าให้กับนักออกแบบคนอื่น เช่น Valentino หรือ Dior รองเท้าบางคู่มันดูน่าเบื่อเลยละ และเอาจริงๆ ผมก็ไม่ค่อยสนใจออกแบบรองเท้าสักเท่าไร แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง
ผมออกแบบรองเท้าทุกคู่เพราะชอบการออกแบบ บางทีรองเท้าบางคู่อาจไม่เหมาะกับผม ผมใส่รองเท้าทุกคู่ที่ผมออกแบบไม่ได้เพราะผมไม่ใช่คนหนุ่ม ผมจะสื่อว่าเมื่อคุณออกแบบรองเท้า คุณต้องคิดว่าคนประเภทไหนที่เหมาะกับการออกแบบประเภทนี้ คุณต้องจินตนาการถึงรูปลักษณ์โดยรวม
เมื่อดูจากหัวจรดเท้า คุณคิดว่ารองเท้า 1 คู่แสดงถึงอะไร เมื่อเทียบกับเสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับ
การออกแบบรองเท้าต้องจินตนาการถึงภาพรวมทั้งหมดนะ รองเท้าไม่สามารถเป็นเพียงของสิ่งเดียวที่โดดแยกออกมาได้ อย่างเช่นผู้หญิงสวมใส่ชุดเดรส แต่งหน้า ทำผม สวมแว่นตาหรือเครื่องประดับ แต่พูดถึงรองเท้า บางทีก็จำเป็นต้องเรียบง่าย ต้องมีหลายๆ สไตล์ รองเท้าบางแบบก็ไม่สามารถใส่ให้เข้ากับทุกอย่างได้
ที่รองเท้ามีความสำคัญได้ก็เพราะมันคือเทสต์ของลูกค้า เพราะสไตล์ของผู้บริโภคสำคัญมากๆ คุณถึงจะตัดสินใจได้ว่ารองเท้าแมตช์กับไอเท็มอะไรบนตัวได้ แบบไหนจะเหมาะกับเครื่องประดับหรือชุด ยังไม่รวมถึงเมกอัพหรือสีของเล็บของคุณอีกนะ มันมีองค์ประกอบมากมาย สิ่งเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของความอ่อนไหวของคนเราในการคัดสรรไอเท็มให้กับตัวเองจริงๆ
คุณประทับใจอะไรบ้างต่อการมาประเทศไทยครั้งนี้
นี่เป็นครั้งแรกของผมและทีม Giuseppe Zanotti ที่ได้มาประเทศไทย ผมได้เจอคนไทยและพวกเขาต่างให้ความเคารพและสุภาพมาก ผมคิดว่าระดับการศึกษาของผู้คนก็ค่อนข้างสูง ผู้คนที่นี่น่ารักมาก เพราะภายในไม่กี่ชั่วโมงผมได้เจอผู้คนเหล่านี้มาบ้างแล้ว ผมคิดว่ายังมีบางอย่างที่ตัวเองยังไม่รู้แน่ชัด แต่ผมรู้ว่าที่นี่มีวัฒนธรรมที่ละเอียดอ่อน โดยเฉพาะในแง่ของงานศิลปะ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมจึงอยากรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมและศิลปะมากขึ้น ประเพณีมีพื้นฐานมาจากวัฒนธรรมของคนกลุ่มหนึ่ง เป็นวัฒนธรรมหนึ่งของประเทศนั้นๆ ในกรณีนี้ประเทศไทยในมุมมองของผมคืออาณาจักร เป็นเรื่องยากที่จะมีอาณาจักรที่ใหญ่โตเช่นนี้ เพราะมีประชากรเกือบ 70 ล้านคนหรืออาจมากกว่านั้น
ไทยเป็นประเทศที่ใหญ่โต และผมคิดว่ายังมีประเพณีและการศึกษาที่ดีอีกด้วย ซึ่งอาจมาจากราชวงศ์ส่วนใหญ่ ผมได้คำแนะนำที่ดีสำหรับอนาคตจากการสังเกตเห็นอะไรหลายอย่างด้วย เราจำเป็นต้องเป็นคนดีจากภายใน หากคุณมีทัศนคติเชิงบวกและเป็นคนดีต่อผู้อื่น เคารพผู้อื่น คุณก็จะได้รับมันกลับคืนมา
คำแนะนำ 1 ข้อที่คุณอยากให้กับ Giuseppe ผู้ก่อตั้งแบรนด์นี้เมื่อ 30 ปีก่อนคืออะไร
“อย่าทำอาชีพนี้” (หัวเราะ)
คือมันยากสุดๆ ไปเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมเป็นทั้งผู้ที่ได้รับและสูญเสียอะไรไปเยอะ ยิ่งในวัยหนุ่มสาว ถ้าคุณทำงานถวายตัว ถวายชีวิต คุณก็จะสูญเสียอะไรไปมากมาย เพราะในแต่ละวันจะมีภารกิจตลอดเวลาแบบไร้วันไร้คืน มาทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ทุกปี วนลูปแบบนั้นไม่เคยหยุด
บางทีผมก็ยังหวังให้ตัวเองได้มีสุดสัปดาห์ที่ดีและมีโมเมนต์ที่น่ารักบ้าง ผมมีรถยนต์ที่คูลมากๆ มีครอบครัวที่ยอดเยี่ยม มีเรือยอชต์ที่สวยงามและน่ารัก แต่ก็ไม่เคยได้ใช้มันหรอก เพราะไม่มีเวลาหรือได้ดูแลของของตัวเอง บางครั้งผมเองก็หมดแรงจนต้องมานอนในวันหยุดสุดสัปดาห์ทั้ง 2 วัน
อย่างไรก็ดี นี่ก็เป็นสิ่งที่ดีนะ คุณต้องรู้ตัวด้วย ในเมื่อคุณตัดสินใจที่จะทำงานเช่นนี้ โดยเฉพาะกับการเป็นนักออกแบบ ผมตัดสินใจทำอาชีพนี้เพราะเป็นความหลงใหล อิสรภาพของผมตอนนี้คือความอยากรู้อยากเห็นที่จะค้นพบสิ่งต่างๆ และสิ่งนี้มันก็ดีสำหรับงานของผม แต่ผมก็สูญเสียสิ่งอื่นๆ ไปด้วย เพราะไม่มีเวลาไปพักผ่อนเป็นเวลา 1 เดือนหรือได้ไปเที่ยวรอบโลกเลย
ในอีก 30 ปีข้างหน้า คุณอยากให้ Giuseppe Zanotti ก้าวไปถึงจุดไหน
ผมแน่ใจว่าเป้าหมายสุดท้ายคือเริ่มต้นชีวิตใหม่ และผมก็ไม่ได้เด็กเกินไปที่จะทำเช่นนั้น ผมชอบคิดว่าพลังงานของเราจะยังคงอยู่ตลอดไป นี่คือความคิดทางศาสนาของผม ผมมองว่าเราทุกคนล้วนเป็นพลังงานบริสุทธิ์ พลังงานของเราจึงเคลื่อนจากร่างหนึ่งไปสู่อีกร่างหนึ่ง นี่คือความคิดเห็นของผม มันเป็นความคิดเห็นน่ะ
ระหว่างปัจจุบันกับในอนาคต ผมชอบทำการทดลองใหม่ๆ เพื่อเชื่อมโยงชีวิตจริงบนท้องถนน เช่น ความลำลองกับความสง่างาม สร้างบางสิ่งบางอย่างระหว่างที่ไม่ใช่แค่รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าหรูหราสำหรับเด็กผู้ชาย มันอาจเป็นไอเท็มบางอย่างที่ไม่ระบุเพศ แต่ก็ไม่ได้แวววาวหรือลำลอง ดังนั้นสำหรับผมนี่คือความท้าทายครั้งใหญ่ และผมก็ตัดสินใจลาพักงานในปีหน้าโดยไม่ร่วมงานกับใครเพื่อค้นหาสิ่งใหม่ๆ สำหรับตัวเอง รวมถึงสำหรับคอลเล็กชันของผมด้วย