วันนี้ (3 พฤศจิกายน) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA โดยศูนย์วิจัยเทคโนโลยีอวกาศ ได้ใช้ระบบการจัดการจราจรอวกาศ (Space Traffic Management System) หรือ ZIRCON ในการติดตามและคาดการณ์การตกของชิ้นส่วนจรวด Longmarch 5B-Y4 พบว่าชิ้นส่วนของจรวดดังกล่าวจะตกสู่พื้นโลกในวันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565 และอาจส่งผลกระทบกับประเทศไทยได้
เนื่องจากวัตถุอวกาศนี้ผ่านประเทศไทยทุกวัน โดยวันนี้จะโคจรในช่วงเวลาประมาณ 13.54-13.56 น. พาดผ่านบริเวณพื้นที่บางส่วนใน 11 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงราย, เชียงใหม่, พะเยา, น่าน, หนองคาย, อุดรธานี, กาฬสินธ์ุ, ร้อยเอ็ด, ยโสธร, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
สำหรับวัตถุอวกาศดังกล่าวขณะนี้โคจรสูงจากพื้นโลกโดยเฉลี่ยประมาณ 177 กิโลเมตร และมีน้ำหนักประมาณ 21.6 ตัน ซึ่งระหว่างที่วัตถุอวกาศกำลังตกสู่โลกนั้นจะมีน้ำหนักน้อยกว่านี้ เนื่องจากจะมีบางส่วนถูกเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศ
ส่วนจุดที่คาดว่าจะเป็นจุดตกของชิ้นส่วนจรวดฯ ขณะนี้ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และจะสามารถคาดการณ์ได้แม่นยำก็ต่อเมื่อวัตถุอวกาศอยู่ห่างจากพื้นโลกโดยเฉลี่ยไม่เกิน 130 กิโลเมตร ระยะห่างของวัตถุอวกาศกับพื้นโลกมีผลอย่างยิ่งต่อการวิเคราะห์และคาดการณ์จุดตก
ดังนั้นยิ่งใกล้โลกเท่าไรจะยิ่งแม่นยำมากขึ้น
ทั้งนี้ การแจ้งเตือนชิ้นส่วนจรวดตกสู่โลกในครั้งนี้ ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีอวกาศของ GISTDA ใช้ระบบ ZIRCON ที่ทีมนักวิจัยของ GISTDA พัฒนาขึ้น ทำการวิเคราะห์ติดตามและคาดการณ์ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล
สำหรับปฏิบัติการของ Longmarch 5B-Y4 ในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อนำโมดูลเมิ่งเทียน (Mengtian) มาเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศเทียนกง (Tiangong Space Station) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้นักบินอวกาศทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์และการวิจัยบนอวกาศ เช่น การทดลองด้านฟิสิกส์ของไหล, วัสดุศาสตร์, เทคโนโลยีอวกาศ และอื่นๆ เป็นต้น
ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย ณ วันนี้ มีโอกาสได้รับผลกระทบเพียง 1.4% ซึ่งถือว่าน้อยมาก
อย่างไรก็ตาม GISTDA จะติดตามสถานการณ์และพื้นที่ที่มีความเสี่ยงของการตกของชิ้นส่วนจรวดนี้ตลอด 24 ชั่วโมง และจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป