จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่าย ถึงคำพูดที่เขากล่าวถึงกลุ่มผู้อพยพชาวแอฟริกันที่เสียชีวิตในทะเล และการแข่งขันฟุตบอลโลกที่วางแผนจะจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี
โดยฝ่ายบริหารของวงการฟุตบอลได้วางแผนที่จะจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกบ่อยขึ้นจาก 4 ปีครั้งเป็น 2 ปีครั้ง ซึ่งอินฟานติโนได้กล่าวว่า การแข่งขันฟุตบอลโลกที่ถี่ขึ้น จะช่วยมอบความหวังให้กับบางประเทศ
“เราต้องเปิดโอกาสและเราต้องมอบศักดิ์ศรี” อินฟานติโนกล่าว
“ไม่ได้ทำผ่านมูลนิธิ แต่เปิดโอกาสให้ประเทศที่เหลือในโลกได้มีส่วนร่วม เราต้องมอบความหวังให้กับแอฟริกา เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ต้องข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อตามหาชีวิตที่ดีกว่า แต่กลับมีโอกาสพบเจอกับความตายในท้องทะเลมากกว่า”
โดยกลุ่มผู้อพยพจากแอฟริกาสูญหายในท้องทะเลกว่า 23,000 คน จากตัวเลขสถิติของ Missing Migrants Project
หลังจากคำพูดดังกล่าว อินฟาติโนได้ออกมาชี้แจงว่า คำพูดของเขาถูกหลายฝ่ายตีความหมายผิด
“ผมอยากชี้แจงว่าในสปีชของผม ข้อความหลักของผมคือทุกคนในตำแหน่งที่มีอำนาจการตัดสินใจ มีความรับผิดชอบที่จะช่วยเหลือในสถานการณ์ของผู้คนดีขึ้นทั่วโลก” ประธานฟีฟ่ากล่าว
ด้าน แอนดรูว์ สโตรห์ไลน์ ผู้บริหารการสื่อสารของ Human Rights Watch ได้ทวีตข้อความถึงคำพูดของอินฟาติโนว่า
“เพื่อนร่วมงานที่ Human Rights Watch ได้สัมภาษณ์ผู้อพยพทั่วโลกเกือบทุกวัน พวกเขาไม่เคยพูดถึงกำหนดการของฟุตบอลโลก
ส่วน โทนี เบอร์เนตต์ ประธานของ Kick It Out องค์กรต่อต้านการเหยียดผิวและเชื้อชาติ ได้กล่าวโจมตีคำพูดของอินฟานติโน
“ฟีฟ่าคือองค์กรที่มีรายได้หลายพันล้าน พวกเขามีทุนในการลงทุนที่จะสร้างแรงบันดาลใจ และโอกาสให้กับผู้คนที่ด้อยโอกาสทั่วโลก
“ดังนั้นนี่เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ ที่จะบอกว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกทุก 2 ปี ที่มีเป้าหมายเดียวคือการสร้างรายได้ให้กับฟีฟ่า จะเป็นสิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้อพยพที่เสี่ยงชีวิตหนีสงครามภายในประเทศ เพื่อมองหาชีวิตที่ดีกว่า”
สำหรับแผนการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกทุกๆ 2 ปีถูกต่อต้านจากทั้งสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) และสมาพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้ (คอนเมบอล)
แต่ได้รับการสนับสนุนจาก สมาพันธ์ฟุตบอลแอฟริกา (ซีเอเอฟ) ซึ่งทางฟีฟ่าได้ชี้แจงว่า การจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกทุกๆ 2 ปีจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นถึง 3.3 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 147,098 ล้านบาท จากรายได้เดิมที่จัดการแข่งขันทุก 4 ปี
อ้างอิง: