ช่วงหลายวันที่ผ่านมามีการพูดถึงแนวทางการยกระดับมาตรการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิดในไทย หลังจากที่สถานการณ์ยังทวีความรุนแรงและจำนวนผู้ติดเชื้อไม่ลดลง
ซึ่ง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขอาจพิจารณาใช้แนวทางที่เรียกว่า ‘อู่ฮั่นโมเดล’ ซึ่งหมายถึงแนวทางในการล็อกดาวน์ทั่วทั้งเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดแบบที่ทำในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว ซึ่งได้รับการชื่นชมจากนานาชาติ เนื่องจากสามารถยับยั้งการระบาดได้อย่างเห็นผลในเวลาเพียง 76 วัน
โดยเมืองอู่ฮั่น มีประชากรราว 11 ล้านคน ใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ แต่มาตรการล็อกดาวน์แบบเข้มข้นชนิดที่เรียกว่าปิดเมือง ครอบคลุมไปถึงหลายเมืองภายในมณฑลหูเป่ย เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2020 และสิ้นสุดลงในวันที่ 8 เมษายน 2020 ถือเป็นการดำเนินมาตรการรับมือโรคระบาดขั้นสูงสุดที่เหนือกว่าแนวทางดำเนินการขององค์การอนามัยโลก (WHO) และเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์สาธารณสุขของมนุษยชาติ
ซึ่งรายละเอียดและแนวทางดำเนินมาตรการล็อกดาวน์แบบ ‘อู่ฮั่นโมเดล’ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงสิ้นสุดมีดังนี้
- รัฐบาลจีนตัดสินใจล็อกดาวน์เมืองอู่ฮั่นและเมืองใกล้เคียง ในวันที่ 23 มกราคม หลังพบจำนวนผู้ติดเชื้อในจีน 571 ราย และเสียชีวิต 17 ราย
- มาตรการล็อกดาวน์เริ่มต้นด้วยการส่งข้อความ SMS แจ้งเตือนประชาชนผ่านทางสมาร์ทโฟน ในเวลา 02.00 น. ก่อนประกาศปิดให้บริการสนามบิน สถานีรถไฟ สถานีรถโดยสาร ภายในเวลา 10.00 น. ของวันเดียวกัน
- ประกาศปิดถนนหลวงสายหลักทั่วเมือง ห้ามประชาชนเดินทางเข้าออกเมืองโดยไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่กรณีฉุกเฉินส่วนบุคคลและทางการแพทย์
- ขยายเวลาปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัย
- สั่งปิดสถานประกอบธุรกิจ โรงงาน และร้านค้าทั้งหมดที่ไม่จำเป็น ยกเว้นร้านขายอาหารและยา
- ห้ามรถยนต์และยานพาหนะส่วนบุคคลทุกชนิดแล่นบนถนน ส่งผลให้บรรยากาศทั่วเมืองเงียบสงัด มีแต่รถพยาบาลและรถของทางการที่อยู่บนถนน
- ระงับให้บริการระบบขนส่งสาธารณะส่วนใหญ่ ทั้งเครื่องบิน รถไฟใต้ดิน เรือโดยสาร
- ในช่วงต้นของมาตรการ ประชาชนได้รับอนุญาตให้ออกมานอกบ้านได้ ก่อนที่จะเพิ่มความเข้มงวดโดยให้อยู่แต่ในบ้าน
- มาตรการแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน ในบางพื้นที่เจ้าหน้าที่อนุญาตให้สมาชิกในครอบครัวเพียง 1 คน ออกจากบ้านไปซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็นได้ในทุกๆ 2 วัน แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัยและรักษาระยะห่างอย่างเข้มงวด แต่บางพื้นที่ไม่อนุญาตให้ประชาชนออกจากบ้าน ทำให้ต้องสั่งอาหารและสิ่งของจำเป็นจากทางออนไลน์ อาทิ แอปพลิเคชันจัดส่งอาหาร
- ทางการเร่งสร้างโรงพยาบาลสนามขนาดใหญ่ 2 แห่ง เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อหลายพันคน พร้อมระดมแพทย์และพยาบาลจากทั่วประเทศเข้าช่วยรับมือและดูแลผู้ป่วย เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของโรงพยาบาลต่างๆ ที่เผชิญภาวะผู้ป่วยล้น
- ในช่วงหลังได้มีการเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการ โดยให้เจ้าหน้าที่เคาะประตูตรวจสุขภาพประชาชนทุกๆ บ้าน และบังคับนำตัวผู้มีอาการป่วยทุกคนไปกักตัว ซึ่งส่งผลให้เกิดกรณีที่ผู้พิการรายหนึ่งต้องเสียชีวิตเพราะขาดอาหารและน้ำอยู่ภายในห้องพัก เนื่องจากพ่อและพี่ชายถูกกักตัว
- อาคารพักอาศัยแทบทุกหลังภายในเมืองมีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเฝ้าระวังและตรวจวัดอุณหภูมิผู้ที่เข้าออกอาคาร
- ในภายหลังมีการขยายมาตรการควบคุมโรคระบาดที่เข้มงวดไปยังเมืองต่างๆ ทั่วประเทศด้วย เนื่องจากความกังวลว่าอาจมีชาวเมืองอู่ฮั่นบางส่วนที่หนีออกจากเมืองก่อนล็อกดาวน์
- ใช้เทคโนโลยี เช่น โดรนหรือกล้องวงจรปิดตรวจจับความเคลื่อนไหว คอยเตือนประชาชนในเมืองอื่นๆ ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยเวลาอยู่นอกบ้าน
ผลจากมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเหล่านี้ ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อในอู่ฮั่นและเมืองต่างๆ ของจีนลดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 8 เมษายน หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทั่วประเทศลดลงมาอยู่ที่ไม่ถึง 100 คนต่อวัน
โดยชาวเมืองต่างออกมาแสดงความยินดีและมีการจัดงานเฉลิมฉลองหลังผ่านพ้น 76 วันแห่งความยากลำบาก พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณในความเสียสละของบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่แนวหน้าที่เสียสละจนทำให้การยับยั้งวิกฤตแพร่ระบาดของโรคโควิดประสบผลสำเร็จ
ภาพ: Photo by Getty Images
อ้างอิง:
- https://apnews.com/article/pandemics-wuhan-china-coronavirus-pandemic-e6147ec0ff88affb99c811149424239d
- https://en.wikipedia.org/wiki/COVID-19_lockdown_in_China
- https://www.bbc.com/news/world-asia-china-55628488
- https://www.theguardian.com/world/2020/mar/19/chinas-coronavirus-lockdown-strategy-brutal-but-effective
- https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-china-toll-idUSKBN21Q01W