เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2568 ภายหลังจากที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ก็ได้เริ่มมีความเคลื่อนไหวการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหนึ่งในรัฐมนตรีที่น่าจับตามองที่สุดคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะเข้ามาสานต่อภารกิจด้านเศรษฐกิจ ทั้งสร้างการเติบโตให้เศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ ฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน รวมถึงสานต่อการเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ก็ได้รับการยืนยันว่าจะมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 6 ก.ย. ดร.เอกนิติ ได้เดินทางมาที่พรรคภูมิใจไทย และได้หารือกับอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค, สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ว่าที่ รมว.ต่างประเทศ และอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ว่าที่ รมว.พลังงาน
THE STANDARD WEALTH พาไปทำความรู้จักโพรไฟล์ เส้นทางอาชีพ และวิสัยทัศน์ของเขา ก่อนก้าวเข้าสู่สนามการเมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- รู้จัก ‘อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์’ จากอดีตลูกหม้อ ปตท. สู่ว่าที่ รมว. พลังงาน ครม. อนุทิน 1
- เปิดโปรไฟล์ สีหศักดิ์ ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศคนใหม่
ประวัติ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญในแวดวงการคลังของประเทศไทย ด้วยประวัติการศึกษาชั้นเยี่ยมและประสบการณ์ทำงานทั้งในและนอกภาครัฐที่หลากหลาย เขาได้รับการยอมรับในความเชี่ยวชาญด้านนโยบายเศรษฐกิจและการบริหารองค์กรภาครัฐ
และล่าสุดในเดือนกันยายน 2568 ดร.เอกนิติได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลใหม่ที่มี อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีรายละเอียดประวัติที่น่าสนใจดังนี้
ประวัติการศึกษา
- ปริญญาตรี: จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเศรษฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยได้รับทุนการศึกษาจากสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์
- ปริญญาโท: สำเร็จการศึกษาระดับเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขา Policy Economics จาก University of Illinois at Urbana-Champaign สหรัฐอเมริกา (ทุนรัฐบาลไทยโดยสำนักงาน ก.พ.)
- ปริญญาเอก: สำเร็จการศึกษาระดับเศรษฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต (สาขา Macroeconomics and International Finance) จาก Claremont Graduate University สหรัฐอเมริกา (ทุนรัฐบาลไทยโดยสำนักงาน ก.พ.)
ประวัติการทำงานและประสบการณ์
เริ่มต้นอาชีพราชการ: ดร.เอกนิติเริ่มรับราชการที่กระทรวงการคลัง ในตำแหน่งนักเศรษฐกรที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จากนั้นได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สศค. ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญของกระทรวงการคลัง
ประสบการณ์ระดับนานาชาติ: ในช่วงหนึ่งของอาชีพ ดร.เอกนิติได้รับโอกาสทำงานในเวทีระหว่างประเทศ โดยดำรงตำแหน่ง Senior Advisor to Executive Director ที่ธนาคารโลก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา และต่อมาได้ดำรงตำแหน่งอัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจการคลัง ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ดูแลงานด้านเศรษฐกิจการเงินของไทยในยุโรป
ความก้าวหน้าในกระทรวงการคลัง: หลังกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย ดร.เอกนิติได้ทำหน้าที่โฆษกกระทรวงการคลัง และรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ โดยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จากนั้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ตามด้วยอธิบดีกรมสรรพสามิต และปัจจุบันเป็นอธิบดีกรมธนารักษ์ ซึ่งแต่ละตำแหน่งถือเป็นบทบาทสำคัญในการบริหารนโยบายการคลังและรายได้ของประเทศ
บทบาทนอกเหนือราชการ: นอกจากตำแหน่งในสายงานราชการโดยตรง ดร.เอกนิติยังได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง เช่น
- เคยเป็นประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
- ประธานกรรมการธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- ประธานกรรมการธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
- รวมถึงดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทชั้นนำอย่าง บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) และบริษัท ไออาร์พีซี และบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เป็นต้น
แสดงถึงความเชี่ยวชาญของเขาในธุรกิจการเงินและการบริหารองค์กรขนาดใหญ่หลากหลายประเภท
บทบาทและผลงานในภาครัฐ
ดร.เอกนิติได้มีบทบาทโดดเด่นในการกำหนดนโยบายและบริหารองค์กรภาครัฐด้านการเงินการคลังหลายด้าน โดยเฉพาะในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานของกระทรวงการคลัง มีผลงานเชิงนโยบายและการบริหารที่สำคัญ อาทิ:
ผลักดันรัฐบาลดิจิทัล: นำระบบดิจิทัลมาใช้ยกระดับการให้บริการของกรมสรรพากรและกรมสรรพสามิต ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น จนหน่วยงานดังกล่าวได้รับรางวัลผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่นของรัฐบาล ปี 2566 รวมทั้งรางวัล Digital Government Award ระดับเอเชีย-โอเชียเนีย ปี 2565 และรางวัล Thailand Digital Transformation Award ปี 2564
นโยบายเพื่อความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม: ยกระดับกรมสรรพสามิตให้เป็นหน่วยงานต้นแบบด้าน ESG (Environment, Social, Governance) และผลักดันนโยบายภาษีคาร์บอนเพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ในบทบาทประธานกรรมการธนาคารทีทีบี (TMBThanachart Bank) เขายังสนับสนุนให้ธนาคารดำเนินธุรกิจบนหลักความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
เร่งรัดการลงทุนภาครัฐ: เป็นผู้นำแนวคิด PPP Fast Track มาใช้ในการขับเคลื่อนโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน (Public-Private Partnership) ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการอนุมัติโครงการขนาดใหญ่จากเดิมประมาณ 2 ปี ให้เหลือเพียงประมาณ 9 เดือน เพื่อเร่งให้โครงการสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานเกิดขึ้นได้รวดเร็วขึ้น
สร้างแหล่งทุนใหม่ให้รัฐ: ริเริ่มและผลักดันการจัดตั้ง กองทุน Thailand Future Fund (TFF) ซึ่งเป็นรูปแบบการระทุนใหม่ของภาครัฐผ่านตลาดทุน ช่วยระดมเงินทุนสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และลดภาระการกู้เงินของรัฐบาลในระยะยาว
ปฏิรูประบบรัฐวิสาหกิจ: มีบทบาทในการปฏิรูประบบการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ โดยนำระบบการสรรหาและคัดเลือกกรรมการบนพื้นฐานสมรรถนะ (Skill Matrix) มาใช้ เพื่อให้การแต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจมีความโปร่งใสและได้บุคคลที่มีความสามารถเหมาะสม
จนในเดือนตุลาคม 2567 ดร.เอกนิติได้รับแต่งตั้งให้โยกย้ายมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นตำแหน่งปัจจุบัน
และล่าสุดในเดือนกันยายน 2568 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ดร.เอกนิติได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้การนำของอนุทิน ชาญวีรกูล สะท้อนถึงความไว้วางใจที่ภาครัฐมีต่อความสามารถและประสบการณ์ของเขาในการบริหารนโยบายการเงินการคลังของประเทศอย่างต่อเนื่องและก้าวหน้าต่อไป