×

รู้จัก ‘เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ’ ว่าที่รัฐมนตรีคลังภายใต้การนำของรัฐบาล ‘ภูมิใจไทย’

07.09.2025
  • LOADING...

เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2568 ภายหลังจากที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ก็ได้เริ่มมีความเคลื่อนไหวการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.)  และหนึ่งในรัฐมนตรีที่น่าจับตามองที่สุดคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะเข้ามาสานต่อภารกิจด้านเศรษฐกิจ ทั้งสร้างการเติบโตให้เศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ ฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน รวมถึงสานต่อการเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ก็ได้รับการยืนยันว่าจะมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 6 ก.ย. ดร.เอกนิติ ได้เดินทางมาที่พรรคภูมิใจไทย และได้หารือกับอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค, สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ว่าที่ รมว.ต่างประเทศ และอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ว่าที่ รมว.พลังงาน

 

 

THE STANDARD WEALTH พาไปทำความรู้จักโพรไฟล์ เส้นทางอาชีพ และวิสัยทัศน์ของเขา ก่อนก้าวเข้าสู่สนามการเมือง

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ประวัติ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ

 

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญในแวดวงการคลังของประเทศไทย ด้วยประวัติการศึกษาชั้นเยี่ยมและประสบการณ์ทำงานทั้งในและนอกภาครัฐที่หลากหลาย เขาได้รับการยอมรับในความเชี่ยวชาญด้านนโยบายเศรษฐกิจและการบริหารองค์กรภาครัฐ 

 

และล่าสุดในเดือนกันยายน 2568 ดร.เอกนิติได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลใหม่ที่มี อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีรายละเอียดประวัติที่น่าสนใจดังนี้

 

ประวัติการศึกษา

 

  • ปริญญาตรี: จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเศรษฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยได้รับทุนการศึกษาจากสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์

 

  • ปริญญาโท: สำเร็จการศึกษาระดับเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขา Policy Economics จาก University of Illinois at Urbana-Champaign สหรัฐอเมริกา (ทุนรัฐบาลไทยโดยสำนักงาน ก.พ.)

 

  • ปริญญาเอก: สำเร็จการศึกษาระดับเศรษฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต (สาขา Macroeconomics and International Finance) จาก Claremont Graduate University สหรัฐอเมริกา (ทุนรัฐบาลไทยโดยสำนักงาน ก.พ.)

 

ประวัติการทำงานและประสบการณ์

 

เริ่มต้นอาชีพราชการ: ดร.เอกนิติเริ่มรับราชการที่กระทรวงการคลัง ในตำแหน่งนักเศรษฐกรที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จากนั้นได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สศค. ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญของกระทรวงการคลัง

 

ประสบการณ์ระดับนานาชาติ: ในช่วงหนึ่งของอาชีพ ดร.เอกนิติได้รับโอกาสทำงานในเวทีระหว่างประเทศ โดยดำรงตำแหน่ง Senior Advisor to Executive Director ที่ธนาคารโลก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา และต่อมาได้ดำรงตำแหน่งอัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจการคลัง ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ดูแลงานด้านเศรษฐกิจการเงินของไทยในยุโรป

 

ความก้าวหน้าในกระทรวงการคลัง: หลังกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย ดร.เอกนิติได้ทำหน้าที่โฆษกกระทรวงการคลัง และรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ โดยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จากนั้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ตามด้วยอธิบดีกรมสรรพสามิต และปัจจุบันเป็นอธิบดีกรมธนารักษ์ ซึ่งแต่ละตำแหน่งถือเป็นบทบาทสำคัญในการบริหารนโยบายการคลังและรายได้ของประเทศ

 

บทบาทนอกเหนือราชการ: นอกจากตำแหน่งในสายงานราชการโดยตรง ดร.เอกนิติยังได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง เช่น 

 

  • เคยเป็นประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
  • ประธานกรรมการธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
  • ประธานกรรมการธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) 
  • รวมถึงดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทชั้นนำอย่าง บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) และบริษัท ไออาร์พีซี และบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เป็นต้น

 

แสดงถึงความเชี่ยวชาญของเขาในธุรกิจการเงินและการบริหารองค์กรขนาดใหญ่หลากหลายประเภท

 

บทบาทและผลงานในภาครัฐ

 

ดร.เอกนิติได้มีบทบาทโดดเด่นในการกำหนดนโยบายและบริหารองค์กรภาครัฐด้านการเงินการคลังหลายด้าน โดยเฉพาะในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานของกระทรวงการคลัง มีผลงานเชิงนโยบายและการบริหารที่สำคัญ อาทิ:

 

ผลักดันรัฐบาลดิจิทัล: นำระบบดิจิทัลมาใช้ยกระดับการให้บริการของกรมสรรพากรและกรมสรรพสามิต ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น จนหน่วยงานดังกล่าวได้รับรางวัลผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่นของรัฐบาล ปี 2566 รวมทั้งรางวัล Digital Government Award ระดับเอเชีย-โอเชียเนีย ปี 2565 และรางวัล Thailand Digital Transformation Award ปี 2564

 

นโยบายเพื่อความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม: ยกระดับกรมสรรพสามิตให้เป็นหน่วยงานต้นแบบด้าน ESG (Environment, Social, Governance) และผลักดันนโยบายภาษีคาร์บอนเพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ในบทบาทประธานกรรมการธนาคารทีทีบี (TMBThanachart Bank) เขายังสนับสนุนให้ธนาคารดำเนินธุรกิจบนหลักความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ

 

เร่งรัดการลงทุนภาครัฐ: เป็นผู้นำแนวคิด PPP Fast Track มาใช้ในการขับเคลื่อนโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน (Public-Private Partnership) ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการอนุมัติโครงการขนาดใหญ่จากเดิมประมาณ 2 ปี ให้เหลือเพียงประมาณ 9 เดือน เพื่อเร่งให้โครงการสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานเกิดขึ้นได้รวดเร็วขึ้น

 

สร้างแหล่งทุนใหม่ให้รัฐ: ริเริ่มและผลักดันการจัดตั้ง กองทุน Thailand Future Fund (TFF) ซึ่งเป็นรูปแบบการระทุนใหม่ของภาครัฐผ่านตลาดทุน ช่วยระดมเงินทุนสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และลดภาระการกู้เงินของรัฐบาลในระยะยาว

 

ปฏิรูประบบรัฐวิสาหกิจ: มีบทบาทในการปฏิรูประบบการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ โดยนำระบบการสรรหาและคัดเลือกกรรมการบนพื้นฐานสมรรถนะ (Skill Matrix) มาใช้ เพื่อให้การแต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจมีความโปร่งใสและได้บุคคลที่มีความสามารถเหมาะสม

 

จนในเดือนตุลาคม 2567 ดร.เอกนิติได้รับแต่งตั้งให้โยกย้ายมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นตำแหน่งปัจจุบัน 

 

และล่าสุดในเดือนกันยายน 2568 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ดร.เอกนิติได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้การนำของอนุทิน ชาญวีรกูล สะท้อนถึงความไว้วางใจที่ภาครัฐมีต่อความสามารถและประสบการณ์ของเขาในการบริหารนโยบายการเงินการคลังของประเทศอย่างต่อเนื่องและก้าวหน้าต่อไป

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising