ปัจจุบันการเงิน-การลงทุน กลายเป็นประเด็นที่คนทั่วไปให้ความสนใจมากขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ หรือ Gen Z ที่เริ่มศึกษาวิธีการหารายได้หลายช่องทาง และนำเงินไปต่อยอดลงทุนเร็วขึ้น เมื่อเทียบกับคนรุ่นก่อน เป้าหมายการเงินสูงสุดของคนทุกวัย คือ การมีอิสรภาพการเงิน มีความมั่งคั่งมากพอ ที่จะใช้ชีวิตที่ออกแบบเอง แต่ท่ามกลางโลกที่หมุนเร็ว เต็มไปด้วยสิ่งเร้า กระตุ้นให้คนใช้เงินมากกว่าหาเงิน คนรุ่นใหม่จะมีวิธีไปสู่ความมั่งคั่งได้อย่างไร
THE STANDARD WEALTH สรุปแนวทางสร้างความมั่งคั่ง ฉบับคนรุ่นใหม่ ในงาน THE STANDARD Economic Forum 2025 เวท ที่ Young Leaders Dialogue Stage หัวข้อ Financial Literacy ปลูกฝังวินัยการเงิน สร้างความมั่งคั่งฉบับคนรุ่นใหม่
ความมั่งคั่ง คืออะไร สำคัญแค่ไหน
ศิรัถยา อิศรภักดี ผู้ก่อตั้ง WEALTH Me Up และผู้ดำเนินรายการ Morning WEALTH นิยามความมั่งคั่งว่า คือการมีอิสระ ไม่ต้องกังวลถึงเหตุไม่คาดฝันในอนาคต มีสิทธิเลือกได้ว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร สาเหตุที่คนรุ่นใหม่ คิดว่าต้องรวยเร็ว ต้องรวยเดี๋ยวนี้ เพราะเกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ให้ผลลัพธ์ทันที ณ ตอนนั้น จึงพยายามหาทางลัด เพื่อยกระดับฐานะการเงินตัวเอง เพราะรู้สึกเดินตามคนอื่นไม่ทัน
ดังนั้น สังคมจึงไม่ควรโทษหรือซ้ำเติมคนรุ่นใหม่ เพราะคนแต่ละรุ่นก็มีความท้าทายที่แตกต่างกัน โลกเปลี่ยน แนวคิดการใช้ชีวิตก็เปลี่ยน แต่อิสรภาพทางการเงินยังเป็นเป้าหมายของทุกคน
ธิษณา ธิติศักดิ์สกุล กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท โนบูโร แพลตฟอร์ม จำกัด มองว่า ความมั่งคั่ง คือ ความมั่งมี ประกอบด้วยสององค์ประกอบ คือ WEALTH + well-being มีชีวิตที่ได้ทำตามความฝัน ทั้งนี้ ช่องว่างที่ทำให้คนรุ่นใหม่ไปไม่ถึงความมั่งคั่ง คือ ความรู้ทางการเงิน ทัศนคติ และพฤติกรรม ด้วยสภาพแวดล้อมปัจจุบัน คนรุ่นใหม่สร้างความมั่งคั่งได้ยากขึ้น เนื่องจากฝั่งซัปพลาย เช่น บริษัทการเงิน ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่กระตุ้นให้คนก่อหนี้มากขึ้น เช่นเดียวกับนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล
ค่านิยมสังคมทุกวันนี้ เต็มไปด้วยสิ่งเร้า เช่น บริการ Buy now pay later เปลี่ยนพฤติกรรมให้คนนำเงินในอนาคตมาใช้จ่ายก่อน ค่อยหาเงินมาผ่อนทีหลัง บางคนถึงขนาดต้องผ่อนหมูกระทะ นอกจากนี้ หลายคนยังเป็นหนี้เพราะความรัก จึงช่วยค้ำประกัน ใช้หนี้แทนครอบครัวและคนรัก กู้บัตรเครดิตปิดหนี้ให้คนใกล้ตัว ดังนั้น ถ้าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ ต้องหาให้เจอว่าปัจจัยอะไรที่ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ ตัดสินใจแบบนี้
มทินา วัชรวราทร ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์ การลงทุน บลจ. กสิกรไทย กล่าวว่า ความมั่งคั่งในมุมมองของเธอ ประกอบด้วยสองสิ่ง คือ ความยืดหยุ่น (Resilience) สามารถพาชีวิตฝ่าฟันทุกวิกฤติไปได้ และชีวิตที่มีความหมาย (Purposeful) มีเป้าหมายในการใช้ชีวิต ถ้าจะสามารถทำสองสิ่งนี้ได้ต้องมีทุน ซึ่งไม่ใช่แค่ทุนด้านเงิน แต่รวมถึงทุนด้านเวลา ซึ่งเป็นต้นทุนที่คนรุ่นใหม่มีข้อได้เปรียบ โดยมีความสามารถในการเรียนรู้ เรียนรู้ได้เร็ว จึงเป็นช่วงเวลาที่ต้องเก็บสะสมทุนความรู้ สร้างทักษะการหาเงินไว้แต่เนิ่นๆ เพราะความมั่งคั่งที่แท้จริง คือสิ่งที่เรามองไม่เห็น และมีความหมายไปไกลกว่าแค่เรื่องเงิน
‘ขาดวินัย’ กับดักการเงินรุ่นใหม่ ไปไม่ถึงความมั่งคั่ง
ศิรัถยา มองว่า รากฐานที่สำคัญที่สุดคือครอบครัว เพราะครอบครัวเป็นจุดตั้งต้น เธอยกตัวอย่างชีวิตตัวเองที่มีการเงินดีในปัจจุบันได้ เพราะเติบโตมาในครอบครัวค้าขาย จึงเห็นพ่อแม่ทำงานหนักตลอดเวลา ทำให้เธอมองว่างานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ได้แยกออกจากกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เธอชอบทำงานเพื่อเก็บเงิน
ทั้งนี้ หากไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่สอนเรื่องการเงิน เธอแนะนำว่า เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องสร้างรากฐานตัวเองให้แข็งแรง การทำงานหนักเพื่อให้ได้เงินที่มากขึ้น การตั้งใจ ศึกษาการออม เพื่อลงทุนได้ฉลาดขึ้น ตั้งใจเก็บเงิน เพื่อให้มีเงินสำรองไว้ใช้ในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝืนสังคม ไม่ใช่สิ่งที่ตามกระแส แม้จะฝืนจะยาก สุดท้ายมันขึ้นอยู่ที่ตัวเรา
ถ้าทำตามกระแสสังคม ผลลัพธ์ก็จะเหมือนคนส่วนใหญ่ ตัวเราจะวนอยู่กับการโทษปัจจัยภายนอก ซึ่งเป็นภาพใหญ่
ด้านธิษณา กล่าวว่า อุปสรรคที่ขัดขวางหนทางสู่ความมั่งคั่ง มีทั้งฝั่งดีมานด์ และซัปพลาย ในฐานะที่ Noburo เป็นบริษัทสตาร์ตอัป ช่วยแก้หนี้ให้ผู้มีรายได้น้อย เธอพบว่า ในช่วงที่ผ่านมา เด็กรุ่นใหม่ที่เรียนมหาวิทยาลัย ชั้นปี 3-4 โดนฟ้องร้องบังคับคดีเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นหนี้ แล้วไม่มีจ่าย โดยส่วนใหญ่ติดหนี้กับแพลตฟอร์ม Digital lending ที่ปล่อยกู้ง่าย เมื่อเห็นว่าผู้กู้จ่ายได้ ก็ยิ่งปล่อยวงเงินเพิ่ม โดยไม่รู้ที่มารายได้ผู้กู้ พอกู้เรื่อยๆ จนเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ก็จ่ายหนี้ไม่ไหว เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน มีประวัติหนี้เสีย ก็ไม่สามารถกู้เงินในระบบได้ สะท้อนว่า คนรุ่นใหม่ยังไม่เข้าใจ และตระหนักถึงผลกระทบของการเป็นหนี้
นอกจากสภาพแวดล้อมแล้ว ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคน เมื่ออยู่ในสังคมก็มีผลมาก ดังนั้น ประเทศไทยต้องร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างวินัยการเงิน ผลักดันให้สังคมเปลี่ยนค่านิยม และหัวข้อการพูดคุยกันใหม่
มทินา มองว่า ในฐานะที่ทำโครงการ KAsset Investment Bootcamp ซึ่งได้สัมผัสกับเด็ก Gen Z โดยตรง เธอเข้าใจและเห็นใจเด็ก Gen Z ที่ต้องสร้างตัวในยุคที่โลกเปลี่ยนไว
สำหรับช่องว่างที่เป็นอุปสรรคสู่ความมั่งคั่ง เธอมองว่า ปัญหาอยู่ที่การควบคุมการใช้จ่าย คนรุ่นใหม่หาเงินเก่ง เพราะมีช่องทางการหารายได้ที่หลากหลาย แต่ก็ใช้จ่ายเก่งไม่แพ้กัน จากสภาพแวดล้อม ที่กระตุ้นการใช้จ่ายตลอดเวลา
ดังนั้นประเด็นเรื่องการหาเงิน และการลงทุนไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวล แต่ต้องย้อนกลับไปที่ความรู้พื้นฐานทางการเงิน คือ การเข้าใจผลตอบแทนทบต้น ซึ่งเป็นรากฐานสู่ความมั่งคั่ง คนรุ่นใหม่ ต้องเข้าใจว่าผลตอบแทนทบต้น ทำงานอย่างไร Reinvest การลงทุนซ้ำ ที่นำผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน กลับมาลงทุนใหม่ ทำงานอย่างไร ซึ่งสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ ต้องมีศิลปะในการควบคุมการใช้จ่าย (Art of spending) ของตัวเอง เพื่อปิดช่องโหว่รายจ่ายของตัวเอง


