Gen-Z หรือกลุ่มคนที่เกิดช่วงระหว่างปี 1997-2012 มีความตระหนักในเรื่องของความยั่งยืนเป็นอย่างมาก และเหล่านักช้อปในรุ่นนี้ก็ต้องการที่จะซื้อโปรดักต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างโดยเฉพาะเรื่องของราคาสินค้า ก็ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำตามที่พูดได้อย่างเต็มที่
จากผลการศึกษาของ RSM UK และ Retail Economics ที่เก็บข้อมูลจากคนรุ่น Gen-Z กว่า 1,500 ชีวิต พบว่ามีเพียง 29% จากจำนวนนี้เท่านั้นที่ยึดมั่นกับการซื้อของโดยคำนึงถึงความยั่งยืนเป็นหลัก ในขณะที่ผู้คนจำนวน 43% ก็มีแรงบันดาลใจ และมีความตั้งใจที่จะซื้อโปรดักต์ที่กระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก็พร้อมที่จะผ่อนปรนความตั้งใจนั้นเมื่อมีปัจจัยเรื่องความสะดวกและราคามาเกี่ยวข้อง นอกจากนั้นคนรุ่น Gen-Z จำนวน 40% ยังสารภาพด้วยว่าพวกเขามักจะซื้อไอเท็มที่ใช้หรือสวมใส่เพียงครั้งเดียว
ถึงแม้ว่าคนรุ่น Gen-Z จะได้รับอิทธิพลความคิดเรื่องความยั่งยืน หรือการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และตระหนักเรื่องวิกฤตภาวะอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปของโลก แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็เติบโตมาในช่วงยุคแห่งการพัฒนาของแบรนด์ Fast Fashion ด้วยเช่นกัน อาทิเช่น Shein และ Temu ที่เน้นการขายของที่หลากหลายในราคาต่ำและพร้อมส่งมอบสินค้าถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็วในวันถัดมา
Cathy Faria ผู้บริหารระดับสูงของ RSM UK ตอกย้ำประเด็นเรื่องความย้อนแย้งในพฤติกรรมการซื้อของที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของคนรุ่น Gen-Z โดยเธอเผยว่า
“ในโลกที่งบประมาณถูกจำกัดลงมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวัน การผสมผสานกันระหว่างโปรดักต์ราคาต่ำกับความสะดวกสบายจึงเป็นสิ่งที่ยากต่อการปฏิเสธ และทำให้เป็นเรื่องยากที่แบรนด์รีเทลอื่นๆ จะต่อกรด้วย”
ภาพ: Raimonda Kulikauskiene/Getty Images


