×

ผลวิจัยชี้ ชาวอเมริกัน Gen Z กลายเป็นรุ่นที่ ‘พร้อมเกษียณ’ มากกว่า Baby Boomers เบื้องหลังมาจากแรงส่งของ ‘เวลา’ และ ‘ระบบ’

24.11.2025
  • LOADING...
ผลวิจัยชี้ ชาวอเมริกัน Gen Z กลายเป็นรุ่นที่ ‘พร้อมเกษียณ’ มากกว่า Baby Boomers เบื้องหลังมาจากแรงส่งของ ‘เวลา’ และ ‘ระบบ’

แม้ภาพลักษณ์ของคนรุ่น Gen Z มักจะถูกมองว่าเริ่มต้นสร้างครอบครัวและก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ช้ากว่าคนรุ่นก่อน ไม่ว่าจะเป็นการย้ายออกจากบ้านพ่อแม่หรือการแต่งงาน แต่ดูเหมือนว่ามีอยู่เรื่องหนึ่งที่หนุ่มสาววัยทำงานกลุ่มนี้นำหน้าคนรุ่นพี่ไปไกล นั่นคือ ‘การออมเพื่อการเกษียณ’ ซึ่งพวกเขากำลังทำได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ

 

ข้อมูลล่าสุดจากการศึกษาของบริษัทจัดการการลงทุนชั้นนำอย่าง Vanguard ระบุว่า Gen Z เป็นเจเนอเรชันที่มีแนวโน้มจะเกษียณอายุได้อย่างประสบความสำเร็จมากที่สุด โดย 47% ของแรงงานอายุ 24-28 ปี อยู่ในสถานะที่พร้อมจะมีเงินเพียงพอสำหรับการรักษารูปแบบการใช้ชีวิตของตนเองหลังเกษียณได้

 

ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าสัดส่วนของชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ 42% โดยเมื่อพิจารณาแยกตามรุ่นจะพบว่า กลุ่ม Millennials (อายุ 29-44 ปี) ตามมาเป็นอันดับสองที่ 42% ถัดมาคือ Gen X (อายุ 45-60 ปี) ที่ 41% และที่น่ากังวลที่สุดคือกลุ่ม Baby Boomers (อายุ 61-65 ปี) ซึ่งมีความพร้อมเพียง 40% เท่านั้น

 

Vanguard ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากผลสำรวจทางการเงินของผู้บริโภคของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปี 2022 จากครัวเรือนกว่า 2,200 แห่ง เพื่อประเมินความพร้อม โดยนิยามคำว่าความสำเร็จในการเกษียณว่าหมายถึงการมีเงินเพียงพอที่จะใช้ชีวิตในมาตรฐานเดิมก่อนเกษียณไปได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร

 

ปัจจัยความสำเร็จของ Gen Z ไม่ได้มาจากความได้เปรียบเรื่องอายุเพียงอย่างเดียว แต่ส่วนสำคัญมาจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของระบบการออม เคลลี่ ฮาห์น (Kelly Hahn) นักกลยุทธ์การลงทุนของ Vanguard ชี้ว่า คนรุ่นนี้ได้รับประโยชน์จากการที่นายจ้างนำระบบ ‘การสมัครสมาชิกกองทุนโดยอัตโนมัติ’ (Auto-enrollment) เข้ามาใช้ในแผนการออม

 

“(คน Gen Z) ถูกสมัครเข้าสู่แผนการเกษียณอายุโดยอัตโนมัติ และบ่อยครั้งที่มีการกำหนดอัตราการออมขั้นต้นไว้ให้พวกเขาแล้ว ซึ่งอัตรานี้จะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลา” ฮาห์นกล่าว “มันคือปัจจัยเชิงโครงสร้างของระบบที่ดีขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนแรงลมส่งที่ช่วยผลักดันพวกเขาไปข้างหน้า”

 

นอกจากระบบที่เอื้ออำนวยแล้ว ‘เวลา’ คือสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดของคนรุ่นนี้ ในขณะที่กลุ่ม Baby Boomers ที่ยังทำงานอยู่อาจเหลือเวลาไม่มากนักในการทำงานหารายได้เพื่อบรรลุเป้าหมาย หรืออาจไม่สามารถทำงานต่อได้ด้วยปัญหาสุขภาพ แต่ Gen Z ยังมีเวลาอีกกว่า 40 ปีที่จะปล่อยให้เงินลงทุนของพวกเขางอกเงยและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้

 

“หากสมมติว่าพวกเขายังคงออมเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการออมในอัตราที่สูงกว่าที่เราเคยเห็นในคนรุ่นก่อนๆ สิ่งนี้จะช่วยผลักดันตัวเลขความพร้อมในการเกษียณสำหรับคนรุ่นใหม่ให้สูงขึ้นไปอีก” ฮาห์นอธิบายเสริมถึงศักยภาพในการเติบโตของเงินออม

 

ความได้เปรียบนี้สะท้อนออกมาในตัวเลขช่องว่างทางการเงินที่น่าสนใจ แม้แต่ Gen Z ที่ยังเก็บเงินได้ไม่ตามเป้า ก็ยังมีสถานการณ์ที่ดีกว่าคนรุ่นอื่น โดยผลการศึกษาพบว่า แรงงาน Gen Z ที่มี ‘รายได้เฉลี่ย’ ของรุ่นที่ 27,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 874,530 บาท) จะเผชิญกับช่องว่างเงินออมที่ขาดไปเพียง 3,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 97,170 บาท) ต่อปีเท่านั้น

 

ในทางตรงกันข้าม กลุ่ม Baby Boomers ที่มีรายได้เฉลี่ยของรุ่นอยู่ที่ 56,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 1.81 ล้านบาท) กลับต้องเผชิญกับช่องว่างเงินออมที่สูงถึง 9,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 291,510 บาท) ต่อปี เพื่อที่จะสามารถเกษียณได้อย่างสุขสบาย ซึ่งถือเป็นภาระที่หนักหนากว่ามากในช่วงโค้งสุดท้ายของการทำงาน

 

อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่การเกษียณของ Gen Z ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบไปเสียทั้งหมด ปัญหา ‘หนี้การศึกษา’ ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่อาจขัดขวางความก้าวหน้า หากพวกเขาไม่สามารถบริหารจัดการได้ดี โดยข้อมูลระบุว่า Gen Z คิดเป็นสัดส่วน 28% ของผู้กู้ยืมเพื่อการศึกษาทั้งหมด ขณะที่กลุ่ม Millennials ครองสัดส่วนสูงสุดที่ 40%

 

ฮาห์นเน้นย้ำว่า “เราต้องการให้ผู้คนคิดถึงการเงินของพวกเขาแบบองค์รวม ไม่ใช่แค่แยกคิดเป็นส่วนๆ หรือมองแค่เสี้ยวเดียวของงบดุลทั้งหมด อย่างเช่นเงินออมเพื่อการเกษียณ เราอยากให้ผู้คนคิดถึงการบริหารจัดการหนี้สินควบคู่ไปกับการสร้างเงินออมเผื่อฉุกเฉินด้วย”

 

อีกหนึ่งความท้าทายคือพฤติกรรมการทำงาน ด้วยเวลาที่เหลืออีกยาวนาน ชาว Gen Z มีแนวโน้มที่จะ ‘เปลี่ยนงาน’ อย่างน้อยสองสามครั้งก่อนเกษียณ ซึ่งฮาห์นเตือนว่าพวกเขา “จำเป็นต้องตระหนักถึงจุดเปลี่ยนเหล่านี้” เพราะบ่อยครั้งเมื่อมีการย้ายงาน ลูกจ้างมักจะไม่ส่งเงินสมทบเข้ากองทุนเกษียณในอัตราเดิมเหมือนที่เคยทำในที่ทำงานเก่า

 

ท้ายที่สุดแล้ว แม้จะมีความท้าทายรออยู่ แต่โอกาสของคนรุ่นนี้ก็ยังสดใสกว่ามาก ฮาห์นสรุปว่า “ฉันคิดว่าชาว Gen Z มีโอกาสมหาศาลที่จะนำแนวทางนี้ไปปฏิบัติ เพื่อที่จะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเหมือนที่คนรุ่นก่อนหน้าบางกลุ่มอาจกำลังเผชิญอยู่”

 

หมายเหตุ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 32.39 บาท ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2568

 

ภาพ : SeventyFour / Shutterstock

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising