×

Gen Z ในไทยมองการมี ‘รถยนต์’ เพื่อมอบความสะดวกสบายให้ตนเองและครอบครัว มากกว่าจะเอาไว้ใช้แสดงความร่ำรวย

26.08.2023
  • LOADING...
Gen Z

การสำรวจล่าสุดของ ABeam Consulting เผยให้เห็นทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปต่อการเป็นเจ้าของรถยนต์ของคน Gen Z ในตลาดรถยนต์หลัก 2 แห่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย และไทย

 

ด้วยคุณค่าที่แตกต่างกันและความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม ทางเลือกในการซื้อของคนรุ่นนี้จึงชี้ไปที่วิวัฒนาการตามกาลเวลาและสถานการณ์ มากกว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงปฏิรูป เพราะผู้ซื้อ Gen Z ยังมีความพึงพอใจกับประสบการณ์การซื้อรถยนต์ที่ผ่านมาของตัวเอง

 

Gen Z บุคคลที่มีอายุระหว่าง 14-26 ปี ซึ่งเติบโตมาพร้อมกับอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย และสมาร์ทโฟน กำลังกลายเป็นกลุ่มประชากรผู้ใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 30% ของประชากรในภูมิภาคภายในปี 2030 มุมมองของพวกเขาเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของรถยนต์แตกต่างอย่างมากกับคนรุ่นเก่า โดยเฉพาะ Gen X ที่มีอายุระหว่าง 43-58 ปี

 

โดยที่ 45% ของกลุ่ม Gen X มองว่า การเป็นเจ้าของรถยนต์เป็นสัญลักษณ์ของสถานะทางสังคม มีเพียง 31% ของกลุ่ม Gen Z ในประเทศไทยที่มีความรู้สึกเช่นนี้ แต่พวกเขามองว่า รถยนต์เป็นช่องทางในการอำนวยความสะดวกให้กับตนเองและครอบครัวมากกว่าจะเอาไว้ใช้แสดงความร่ำรวย

 

มากไปกว่านั้น ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมก็มีความสำคัญอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ของกลุ่ม Gen Z จากผลสำรวจ ราคารถยนต์ยังเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเป็นอันดับ 1 โดย 57% ของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่าราคาเป็นปัจจัยที่สำคัญ ขณะที่ปัจจัยด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญเป็นอันดับ 2 เทียบเท่ากับความสามารถของรถยนต์ด้านการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง โดยอยู่ที่ 24% ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม ซึ่งแตกต่างจากผู้ซื้อในกลุ่มเจเนอเรชันอื่นที่ให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมเป็นอันดับที่ 9

 

ขณะที่ 68% ของ Gen Z ที่ตอบแบบสอบถามยังแสดงความสนใจต่อยานยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นอย่างมาก เพราะเหตุผลด้านราคาน้ำมัน และอีก 43% ยังคำนึงถึงความต้องการที่จะลดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังพบว่า 30% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองเรื่องของเงินสนับสนุนจากภาครัฐก็มีส่วนในการตัดสินใจอย่างมากด้วย

 

ที่น่าประหลาดใจก็คือ แม้ Gen Z จะเป็นกลุ่มคนที่คุ้นเคยและเชี่ยวชาญการใช้งานช่องทางดิจิทัล แต่ผู้ซื้อในกลุ่ม Gen Z จำนวนไม่น้อยที่มีมากถึง 78% ยังชอบการซื้อรถด้วยวิธีการออฟไลน์มากกว่า ดังนั้น ในอนาคตตัวแทนจำหน่ายจึงยังคงมีบทบาทสำคัญในการซื้อ-ขายรถยนต์อยู่ แต่ก็ควรที่จะพัฒนาวิธีการขายให้ครอบคลุมมากขึ้น 

 

เช่น การเน้นประสบการณ์ขายแบบผสมผสานทุกช่องทางการตลาดที่รวมทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน (Omni-Channel) การใช้วิธีการสื่อสารทางการตลาดที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล และเพิ่มการมีส่วนร่วมกับลูกค้าให้มากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม การเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่เพิ่มมากขึ้นแสดงให้เห็นว่า ผู้ซื้อที่รวมถึงกลุ่ม Gen Z ยังให้ความสำคัญกับการมีส่วนเกี่ยวข้องของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ แต่บทบาทของตัวแทนจำหน่ายต้องได้รับการปรับเปลี่ยนไป เนื่องจากผู้เล่นในตลาดธุรกิจให้บริการยานพาหนะร่วมกันอย่างบริการเรียกรถสาธารณะ หรือบริษัทรถเช่า จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น

 

แนวโน้มความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ต้องปรับตัว และนำมุมมองรอบด้านของลูกค้าแบบ 360 องศา และประสบการณ์แบบการผสานทุกช่องทางการตลาดที่รวมทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน (Omni-Channel) มาใช้ เพื่อสร้างกลยุทธ์ด้านการตลาด ผู้ค้าปลีกบุคคลที่สามจะยังคงมีบทบาทสำคัญอยู่ในกระบวนการขาย แม้ว่าการมีส่วนร่วมกับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นของบริษัทผู้รับจ้างผลิตสินค้า หรือ OEM อาจทำให้ตัวกลางในการขายมีความสำคัญน้อยลงก็ตาม

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising