งานวิจัยชิ้นใหม่เผยว่า ความเหลื่อมล้ำด้านความมั่งคั่งระหว่างกลุ่มคน Gen Y ที่ร่ำรวยกับคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกันนั้น ถือว่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ สร้างความตึงเครียดและความไม่พอใจในสังคมยุคใหม่
ในขณะที่คน Gen Y ส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับหนี้สินจากการศึกษา ทำงานบริการที่ค่าแรงต่ำ ราคาบ้านที่แพง และเงินออมที่น้อย คน Gen Y กลุ่ม ‘Elite’ กลับร่ำรวยแซงหน้าคนรุ่นก่อน
โดยคน Gen Y ทั่วไปมีทรัพย์สินน้อยกว่า Baby Boomer ถึง 30% เมื่ออายุ 35 ปี แต่คน Gen Y ที่ร่ำรวยที่สุด 10% กลับมีทรัพย์สินมากกว่า Baby Boomer ที่ร่ำรวยที่สุด 10% ในวัยเดียวกันถึง 20%
“คน Gen Y แตกต่างกันมากจนไม่สามารถพูดถึงประสบการณ์ ‘โดยเฉลี่ย’ ของคน Gen Y ได้” ผู้เขียนงานวิจัยกล่าว “มีคน Gen Y บางคนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เช่น มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก และ แซม อัลต์แมน ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังดิ้นรน”
งานวิจัยยังพบว่า คน Gen Y ซึ่งปัจจุบันมีอายุระหว่าง 28-43 ปี ต้องเผชิญกับอุปสรรคทางการเงินหลายครั้ง พวกเขาเติบโตขึ้นในช่วงวิกฤตการเงิน ทำให้มีอัตราการเป็นเจ้าของบ้านที่ต่ำกว่า มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน มีงานที่ค่าแรงต่ำและไม่มั่นคง และมีอัตราการสร้างครอบครัวที่มีรายได้สองทางที่ต่ำกว่า
ขณะเดียวกัน ผู้เขียนงานวิจัยกล่าวว่า คน Gen Y ที่ร่ำรวยที่สุด 10% ได้รับประโยชน์จากผลตอบแทนที่มากขึ้นสำหรับงานที่มีทักษะสูง ผลตอบแทนจากเส้นทางอาชีพที่มีสถานะสูงเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผลตอบแทนจากเส้นทางอาชีพที่มีสถานะต่ำซบเซาหรือลดลง
Gen Y ที่เรียนจบมหาวิทยาลัย หางานระดับบัณฑิตศึกษา และเริ่มต้นครอบครัวค่อนข้างช้า จะมีทรัพย์สินมากกว่า Baby Boomer ที่มีเส้นทางชีวิตคล้ายคลึงกัน
ปรากฏการณ์การถ่ายโอนความมั่งคั่งครั้งใหญ่
อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้ Gen Y มีทรัพย์สินมากขึ้นคือ ‘มรดก’ ในสิ่งที่เรียกว่า ‘การถ่ายโอนความมั่งคั่งครั้งใหญ่’ Baby Boomer คาดว่าจะส่งต่อความมั่งคั่งระหว่าง 70-90 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,587-3,326 ล้านล้านบาท) ในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งส่วนใหญ่คาดว่าจะตกทอดไปยังลูกหลาน Gen Y ของพวกเขา
จากข้อมูลของ Cerulli Associates บุคคลที่มีสินทรัพย์สูงมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป (ประมาณ 185 ล้านบาท) คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด โดยบริษัทจัดการความมั่งคั่งกล่าวว่า ความมั่งคั่งบางส่วนเริ่มส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อไปแล้ว
“การถ่ายโอนความมั่งคั่งครั้งใหญ่ ซึ่งเราพูดถึงกันมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา กำลังดำเนินอยู่” จอห์น แมทธิวส์ หัวหน้าฝ่าย Private Wealth Management ของ UBS กล่าว “อายุเฉลี่ยของมหาเศรษฐีโลกอยู่ที่เกือบ 69 ปี ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงหรือการส่งมอบความมั่งคั่งทั้งหมดนี้จะเริ่มเร่งขึ้น”
ความตึงเครียดระหว่างชนชั้นของ Gen Y มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อมีการถ่ายโอนความมั่งคั่งมากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การอวดร่ำอวดรวยบนโซเชียลมีเดียโดย ‘ลูกคนรวย’ รุ่น Gen Y อาจยิ่งเพิ่มสงครามระหว่างชนชั้นในรุ่นเดียวกัน และผลักดันให้ Gen Y ที่ไม่ร่ำรวยใช้จ่ายเกินตัวหรือสร้างภาพลักษณ์การใช้ชีวิตที่หรูหรา
ผลสำรวจของ Wells Fargo พบว่า 29% ของ Gen Y ที่ร่ำรวย (มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 2.5 แสนดอลลาร์สหรัฐ ถึงมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9.24 ล้านบาท ถึงมากกว่า 37 ล้านบาท) ยอมรับว่า “บางครั้งซื้อของที่เกินกำลังเพื่อสร้างความประทับใจให้ผู้อื่น” จากผลสำรวจ 41% ของ Gen Y ที่ร่ำรวยยอมรับว่า ใช้บัตรเครดิตหรือเงินกู้มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เทียบกับ 28% ของ Gen X และ 6% ของ Baby Boomer
การต่อสู้ระหว่าง Gen Y ที่ร่ำรวยและ Gen Y ที่เหลือ อาจส่งผลต่อทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อความมั่งคั่ง เป็นเวลากว่าสี่ทศวรรษแล้วที่เศรษฐีและมหาเศรษฐีส่วนใหญ่ในอเมริกาสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเอง โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการ การศึกษาของ Fidelity Investments พบว่า 88% ของเศรษฐีชาวอเมริกันสร้างฐานะด้วยตนเอง
แต่ความมั่งคั่งที่ได้รับมรดกอาจกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น การศึกษาของ UBS พบว่า ในบรรดามหาเศรษฐีหน้าใหม่เมื่อปีที่แล้ว ทายาทที่ได้รับมรดกมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากกว่ามหาเศรษฐีที่สร้างฐานะด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบอย่างน้อย 9 ปี และมหาเศรษฐีอายุต่ำกว่า 30 ปีทั้งหมดในรายชื่อมหาเศรษฐี Forbes ล่าสุดล้วนได้รับมรดก ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี
ความมั่งคั่ง ‘สุดขั้ว’
การเพิ่มขึ้นของความมั่งคั่งในหมู่ทายาท Gen Y ยังสร้างตลาดใหม่ที่ร่ำรวยสำหรับบริษัทจัดการความมั่งคั่ง บริษัทสินค้าหรู บริษัทท่องเที่ยว และนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
เคลย์ตัน ออร์ริโก หนึ่งในนายหน้าอสังหาริมทรัพย์หรูชั้นนำในแมนฮัตตัน ได้สร้างธุรกิจที่เฟื่องฟูจากคน Gen Y ผู้มั่งคั่ง ผู้ก่อตั้ง The Hudson Advisory Team ที่ Compass ขายอสังหาริมทรัพย์ไปแล้วกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.48 แสนล้านบาท) และเป็นนายหน้าในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มูลค่ากว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 370 ล้านบาท) เป็นประจำ เขากล่าวว่า ‘ส่วนใหญ่’ ธุรกิจของเขาในช่วงนี้มาจากผู้ซื้อในช่วงอายุ 20 และ 30 ปีที่ได้รับมรดก
“ผมเพิ่งขายอพาร์ตเมนต์มูลค่า 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 591 ล้านบาท) ให้กับคนอายุ 20 กว่าๆ และผู้ซื้อเข้าถึงทรัสต์ของครอบครัว” เขากล่าว “ความมั่งคั่งที่อยู่เบื้องหลังเด็กเหล่านี้มีมากมายมหาศาล”
ความมั่งคั่งที่ได้รับมรดกกลายเป็นความเชี่ยวชาญของออร์ริโก เขากล่าวว่า เขาทำงานเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสำนักงานครอบครัว กองทรัสต์ และกลุ่มคนหนุ่มสาวผู้มั่งคั่งที่สังสรรค์กันในคลับสมาชิกในนิวยอร์ก เช่น Casa Cipriani
รูปแบบที่คุ้นเคยคือ ครอบครัวที่ร่ำรวยมาขอเช่าบ้านให้ลูกชายหรือลูกสาว ไม่กี่ปีต่อมา พวกเขาต้องการคอนโด 2 ห้องนอน มูลค่า 5 ล้าน หรือ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 185-370 ล้านบาท) เพื่อซื้อคอนโดในอาคารใหม่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงในตัวเมือง
“งานของผมคือการทำงานอย่างเงียบๆ และรอบคอบกับครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในโลก” ออร์ริโกกล่าว
ภาพ: Semachkovsky / Shutterstock
อ้างอิง: