วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินว่าทิศทางตลาดหุ้นไทย (SET Index) มีโอกาสปรับตัวลง โดยคาดว่ากรอบดัชนีหุ้นไทยจะอยู่ที่ระดับ 1,310-1,370 จุด จาก 3 ปัจจัย ได้แก่
- จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น และความกังวลการแพร่ระบาดรอบสองในประเทศไทย
- การเมืองในประเทศไทยมีความไม่แน่นอนจากการปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
- คาดว่าผลประกอบการกลุ่มสถาบันการเงินงวดครึ่งปีแรกจะลดลงทั้ง YoY, QoQ จากผลกระทบมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้
ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนและต้องจับตามองในระยะต่อไป โดยปัจจัยในประเทศต้องจับตาการประชุมคณะรัฐมนตรี และวันที่ 15 กรกฎาคมนี้จะเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์โครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ขณะที่ปัจจัยในต่างประเทศมีตัวเลขทางเศรษฐกิจที่จะออกมา ได้แก่
จีน – มีตัวเลขเดือนมิถุนายน เช่น ยอดนำเข้า, ส่งออก, ดุลการค้า, GDP ไตรมาส 2/63, อัตราว่างงาน ยอดค้าปลีก, การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
สหภาพยุโรป (EU) – ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคมและความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนกรกฎาคม ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย
สหรัฐฯ – ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิถุนายนที่จะออกในวันที่ 14 กรกฎาคม 2563, ยอดค้าปลีกเดือนมิถุนายน ดัชนีการผลิตเดือนกรกฎาคม ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนกรกฎาคม และสต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพฤษภาคม
ญี่ปุ่น – ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม
ขณะที่ปัจจัยบวกที่น่าจะส่งผลต่อการลงทุน เช่น ข่าวการทดลองวัคซีนในไทยและต่างประเทศ, การสร้างความเชื่อมั่นต่อภาครัฐและนักลงทุนของญี่ปุ่นผ่านโครงการ EEC และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับคาดการณ์การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2563 เพิ่มขึ้น 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวันจากคาดการณ์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง แม้คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันในปี 2563 จะหดตัวที่ระดับ 7.9 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปี 2562
ขณะที่ราคาทองคำ บล.โกลเบล็ก ประเมินสัปดาห์นี้ราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของกองทุน SPDR และความกังวลการแพร่ระบาดรอบสองของโควิด-19 สำหรับผู้ที่มีสถานะให้ถือสถานะที่มีเพื่อรันเทรน ส่วนผู้ที่รอซื้อเน้นซื้อจังหวะย่อตัว เราคาดกรอบราคาทองคำที่ 1,770-1,830 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือเทียบเท่าทองคำไทย 26,130-27,100 บาทต่อบาททองคำ
อย่างไรก็ตาม ทาง GBS แนะนำการลงทุนในระยะนี้ ได้แก่ หุ้น Defensive Stock เช่น ADVANC, INTUCH, DIF, TTW, BEM, BTS, CHG และ BCH
หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ดี เช่น WICE, TASCO และ CPF หุ้นที่ได้ประโยชน์จากแพ็กเกจเราเที่ยวด้วยกัน เช่น ERW, CENTEL, BA และ ASAP
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์