การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ระหว่างไทยและกัมพูชา จะจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคมนี้ โดยมีผู้แทนจากสหรัฐฯ จีน และมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนประจำปี เข้าร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ในการประชุมสรุปวันที่ 7 สิงหาคม
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในการประชุมไตรภาคีผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ระหว่างมาเลเซีย ไทย และกัมพูชา เมื่อวันเสาร์ (2 สิงหาคม) ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุม GBC โดยยืนยันว่า “ประเทศไทยยอมรับข้อเสนอที่จะรวมผู้แทนจากมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน สหรัฐอเมริกา และจีน ซึ่งให้ความช่วยเหลือมาตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม เป็นผู้สังเกตการณ์ในการประชุม GBC”
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พล.อ.เตีย เซยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ส่งจดหมายถึงพล.อ.ณัฐพล โดยเสนอให้มาเลเซีย สหรัฐฯ และจีนเข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุม GBC จากบทบาทสำคัญของทั้งสามประเทศที่นำมาสู่การบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
ด้าน Global Times สื่อทางการจีน รายงานความเห็นจาก ซู หลี่ผิง (Xu Liping) ผู้อำนวยการศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา สถาบันสังคมศาสตร์ของจีน ให้ความเห็นว่า “การเลือกทั้งสามประเทศในฐานะผู้สังเกตการณ์เพื่อเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับของกัมพูชาและไทย ต่อบทบาทที่สำคัญยิ่งขึ้นของจีน และมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนหมุนเวียน ที่มีบทบาทในการแก้ไขความขัดแย้งในภูมิภาค”
ขณะที่เขามองว่า การที่ไทยและกัมพูชา เลือกมาเลเซียเข้าร่วมสังเกตการณ์ ยังแสดงให้เห็นว่าในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งกัมพูชาและไทยคาดหวังว่าจะสามารถแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจาอย่างสันติตามกฎบัตรอาเซียน โดยสำหรับมาเลเซีย การเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้สอดคล้องกับหลักการของกฎบัตรอาเซียน ซึ่งทำให้การประชุมมีความสมเหตุสมผลและเป็นไปอย่างถูกต้อง
ด้าน เกอ หงเหลียง รองผู้อำนวยการวิทยาลัยอาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยกว่างซี ให้สัมภาษณ์ Global Times ชี้ว่า “ประเทศสมาชิกอาเซียนต่างยอมรับบทบาทของจีนในกิจการด้านความมั่นคงระดับภูมิภาค ซึ่งจีนมีความสัมพันธ์อันดีกับทั้งไทยและกัมพูชา และรากฐานอันแข็งแกร่งของความไว้วางใจทางการเมืองนี้ทำให้จีนมีบทบาทในการไกล่เกลี่ยอย่างแข็งขัน”
โดยเขาคาดการณ์ว่าประเด็นหลักของการประชุมครั้งนี้ คือการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งเขามองว่า “ประเด็นสำคัญที่สุดคือ ทั้งสองฝ่ายจะสามารถฟื้นฟูความไว้วางใจซึ่งกันและกันในระดับการเมืองได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์คลิปสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และสมเด็จ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่บั่นทอนความไว้วางใจทางการเมืองระหว่างไทยและกัมพูชาอย่างมีนัยสำคัญ
อ้างอิง :