บริการสตรีมมิงมิวสิกที่เปิดตัวในไทยไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2017 อย่าง Spotify ได้ฉลองครบรอบ 1 ปีไปเรียบร้อย ซึ่งระหว่างทางเราก็ได้ลองเล่นฟีเจอร์สนุกๆ จาก Spotify อยู่เรื่อยๆ โดยล่าสุด THE STANDARD ก็ได้โอกาสพูดคุยกับ Gautam Talwar กรรมการบริหาร Spotify เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทำให้เราได้ข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เราอาจจะได้ลองเล่นในอนาคต รวมไปถึงคอนเสิร์ตแรกของ Spotify ที่จะจัดในประเทศไทยวันที่ 20 ตุลาคมนี้ นอกจากนี้เรายังได้พูดคุยถึง Spotify แบบไทยๆ ที่ทำให้เราเข้าใจนิสัยการสตรีมมิงเพลงของคนไทยมากยิ่งขึ้น

 

 

ถ้าให้หาคำหนึ่งคำที่แทนนิสัยการฟังเพลงของผู้ใช้งาน Spotify ชาวไทยได้ คำนั้นจะเป็นคำว่าอะไร

ผมคิดว่าผู้ใช้งานของเรามีความ Adventurous เพราะทุกคนกล้าที่จะเปิดใจฟังเพลงใหม่ๆ จากศิลปินใหม่ๆ หากดูจากข้อมูลการสตรีมมิงที่เรามี จะเห็นได้ว่าผู้ใช้งานหลายๆ คนชอบที่จะเข้าไปฟังเพลย์ลิสต์ที่ Spotify คัดสรรมาให้ โดยเฉพาะจากหน้า Discover เราตั้งใจจะให้ผู้ใช้งานมีสิทธิ์ควบคุมประสบการณ์ในการฟังเพลงได้เอง เพื่อให้พวกเขาย้อนกลับไปฟังได้ทั้งเพลงโปรดของตัวเองตั้งแต่สมัยก่อน และหาเพลงใหม่ๆ ที่พวกเขาไม่เคยฟังด้วยได้

 

และเพื่อรองรับอุปนิสัยในการฟังเพลงของผู้ใช้งาน เราจึงมีเพลย์ลิสต์อย่าง Discovery Weekly ที่คัดสรรเพลงโดยยึดจากรสนิยมในการฟังเพลงของผู้ใช้งาน ซึ่งมีการอัปเดตทุกๆ วันจันทร์ และ Release Radar เพลย์ลิสต์รวมเพลงใหม่ที่ยึดจากศิลปินที่ผู้ใช้งานติดตาม และฟังบ่อยที่สุด ซึ่งอัปเดตทุกๆ วันศุกร์ ให้ผู้ใช้ Spotify อัปเดตเพลงที่ตัวเองชอบได้เรื่อยๆ

 

Spotify เปิดให้บริการในไทยมาแล้ว 1 ปี จนถึงตอนนี้ถือว่าคนไทยติดใจ Spotify แล้วหรือยัง

ตั้งแต่เราเปิดตัว Spotify ในประเทศไทย ผู้ใช้งานชาวไทยใช้เวลาสตรีมเพลงใน Spotify ไปแล้ว 81 ล้านชั่วโมง ผู้ใช้งานส่วนมากจะสตรีมเพลงในช่วงเวลาตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 11 โมง และตั้งแต่เวลาบ่าย 2 จนถึง 6 โมงเย็น

 

เราตื่นเต้นที่ได้เห็นผู้ใช้งานจำนวนมากขึ้นหันมาใช้บริการสตรีมมิงมิวสิกเวลาที่พวกเขาต้องการฟังเพลง จุดประสงค์หลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือ อยากมั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานเอนจอยกับประสบการณ์การสตรีมมิงมิวสิกของ Spotify

 

ผู้ใช้งาน Spotify ชาวไทยมีอุปนิสัยในการฟังเพลงที่แตกต่างจากผู้ใช้งานของประเทศอื่นบ้างไหม

ตอนที่เราเปิดตัว Spotify ในประเทศไทย เราใช้เวลาทำความเข้าใจและศึกษาว่า อะไรคือสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ ในทุกๆ ตลาดจะมีความแตกต่างกันอยู่ เพราะการสตรีมเพลง หรือการฟังเพลง มันเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคน ดนตรีเป็นเครื่องมือที่ช่วยสะท้อนความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในของแต่ละคน และดนตรียังเป็นตัวที่เชื่อมผู้คนเข้าหากันอีกด้วย

 

ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่รักดนตรีมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเสียงดนตรีเหล่านั้นอยู่บนบริการที่ช่วยเชื่อมผู้คน และกลุ่มสังคมต่างๆ เข้าหากัน ซึ่งเราเชื่อว่า Spotify ทำหน้าที่นั้นอยู่ เราทำให้แฟนๆ ได้ฟังเพลงที่ตัวเองรัก ตั้งแต่หมวดหมู่ของเพลงที่หลากหลาย ไปจนถึงการสร้างเพลย์ลิสต์ร่วมกับเพื่อน ส่วนเพลย์ลิสต์ที่ผู้ใช้งานในไทยสตรีมมากที่สุดคือ เพลงไทยยอดนิยม, เพลงฮิตประเทศไทย และ K-Pop Daebak

 

ผู้ใช้งานชาวไทยใช้เวลาประมาณกี่ชั่วโมงในการสตรีมมิงเพลง ถ้าเทียบแล้ว พวกเราสตรีมเพลงกันเยอะกว่าประเทศอื่นหรือเปล่า

โดยเฉลี่ยแล้วผู้ใช้งานชาวไทยใช้เวลาบน Spotify ประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งก็ใกล้เคียงกับตลาดอื่นครับ

 

ตอนนี้ Apple Music มีฟีเจอร์ใหม่ที่เปิดให้รับชมวิดีโอคอนเทนต์ต่างๆ อย่างการสอนแต่งเพลงจากศิลปิน คุณคิดอย่างไรกับการปล่อยฟีเจอร์ดังกล่าว แล้วในอนาคต Spotify จะมีปล่อยฟีเจอร์ หรือคอนเทนต์ที่เป็นวิดีโอด้วยหรือเปล่า

ผมไม่สามารถพูดแทน Apple ได้ แต่สำหรับเราแล้ว วิดีโอเป็นสื่อที่มีประโยชน์มาก และอยู่ในแผนกลยุทธ์ด้านคอนเทนต์ของเรา วิดีโอมีบทบาทมาก อย่างใน Spotify  ‘Enhanced Playlist’ ผู้ใช้งานสามารถดูออริจินัลวิดีโอได้ อย่างเพลย์ลิสต์ RapCaviar, Viva Latino และ K-Pop Daebak อย่างไรก็ตามวิดีโอก็ยังไม่ได้รับการโปรโมตแพร่หลาย ซึ่งเราก็พยายามพัฒนาอยู่ตลอด เพื่อให้แฟนๆ และผู้ใช้งานมีประสบการณ์การสตรีมเพลงในแพลตฟอร์มของเราอย่างดีที่สุด

 

 

อะไรที่ทำให้ Spotify แตกต่างจากบริการสตรีมมิงอื่นๆ

Spotify เป็นบริการสตรีมมิงมิวสิกระดับโลกที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งมียอดผู้ใช้งานกว่า 180 ล้านคน ด้วยความที่เราเป็นแพลตฟอร์มที่มีความแพร่หลาย ผู้ใช้งานจึงสามารถสตรีมเพลงได้อย่างสะดวกสบายผ่านทุกอุปกรณ์ ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งบนรถ Spotify ทำให้คุณเชื่อมต่อกับเสียงดนตรีได้ทุกที่ ซึ่งเหนือกว่าแอปพลิเคชันอื่นๆ

 

ด้วยเพลงกว่า 40 ล้านเพลง และกว่า 3 พันล้านเพลย์ลิสต์ ตั้งแต่เพลงไทยที่ดีที่สุด ไปจนถึงเพลงต่างชาติใหม่ล่าสุด ผู้ใช้งาน Spotify ก็จะสนุกไปกับช่องทางในการฟังเพลงโปรด หาเพลงใหม่ๆ และรู้จักศิลปินใหม่ๆ ที่ตรงกับความชอบของตัวเองแบบฟรีๆ และเรายังมีเพลย์ลิสต์อย่าง Discover Weekly, Daily Mix และ Release Radar ที่จะช่วยคัดสรรเพลงตามความชอบของผู้ใช้งานแต่ละคน ซึ่งผู้ใช้งานทุกคนก็จะมีเพลย์ลิสต์ที่ต่างกันไปจากอุปนิสัยการฟังเพลงที่ต่างกัน

 

และเพื่อต่อยอดประสบการณ์การฟังเพลงให้ดียิ่งขึ้น ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ Spotify แบบฟรีๆ หรือจะเลือกการสตรีมเพลงแบบไม่ต้องฟังโฆษณาคั่นผ่านการสมัคร Spotify Premium ที่ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดเพลงเก็บไว้ฟังตอนออฟไลน์ ฟังเพลงไหน ตอนไหนก็ได้ แบบไม่มีข้อจำกัดในการ skip เพลง ไม่มีโฆษณาคั่น

 

ล่าสุด Spotify เปิดตัว Spotify On Stage ด้วย คุณช่วยบอกเกี่ยวกับโปรเจกต์ในครั้งนี้หน่อยได้ไหม เราจะมีโอกาสได้เห็นอีเวนต์จาก Spotify ประเทศไทยมากขึ้นหลังจากนี้หรือเปล่า

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองปีแรกในประเทศไทย พวกเราตื่นเต้นมากที่จะจัดงานคอนเสิร์ตครั้งแรกในประเทศไทย Spotify On Stage เป็นการเฉลิมฉลองให้กับศิลปินเบื้องหลังเพลย์ลิสต์ที่ถูกสตรีมมากที่สุดในประเทศไทย

 

ที่ Spotify พวกเราเชื่อว่าดนตรีไม่มีพรมแดน และด้วยคอนเสิร์ตแรกครั้งนี้ เราจึงชวนกลุ่มคนที่รักเสียงดนตรี มาพบกับศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบ คอนเสิร์ตจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม ที่ Centerpoint Studio กรุงเทพฯ และมีศิลปินต่างชาติอย่าง Alan Walker และ Anne-Marie ร่วมด้วยศิลปิน K-Pop อย่าง Eric Nam และศิลปินไทยขวัญใจหลายๆ คน อย่าง Slot Machine และ Wonderframe หลังจากการเปิดตัวของ Spotify ในประเทศไทย และปีแรกที่ผ่านไปอย่างยอดเยี่ยม เราตื่นเต้นมากที่จะนำเสนออีเวนต์แรกที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้

 

ในมุมมองของศิลปินที่มีการถกกันถึงประเด็นส่วนแบ่งรายได้ และความเหมาะสมทางด้านจริยธรรม แล้วในประเทศไทยเอง Spotify มีระบบการแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้กับศิลปินอิสระ และศิลปินที่มีค่ายเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ไหม

พวกเราผูกมัดกับอุตสาหกรรมดนตรี Spotify ให้พื้นที่กับศิลปิน ทั้งยังเป็นผู้สร้างการเชื่อมต่อกับแฟนๆ และผู้ฟังใหม่ๆ ที่ชื่นชอบผลงานของพวกเขา นอกจากเราจะให้พื้นที่ในการนำเสนอผลงานของศิลปินสู่ผู้ใช้งานกว่า 180 ล้านคนแล้ว เรายังสนับสนุนศิลปินผ่านเครื่องมือและบริการ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเติบโตในอุตสาหกรรมดนตรีได้ นับจากเดือนตุลาคม ปี 2018 เราใช้งบประมาณกว่า 10,000 ล้านยูโร ไปกับค่าลิขสิทธิ์ของศิลปิน ค่ายเพลง และผู้เผยแพร่งาน โดยในปี 2018 ค่าใช้จ่ายที่ใช้เพื่อถือลิขสิทธิ์ผลงานดนตรีของเราสูงขึ้นถึง 27% เมื่อเทียบกับปีก่อนด้วย

 

คุณมองอนาคตของ Spotify ไว้อย่างไร

ในฐานะของบริษัท เรามีเป้าหมายที่จะปลดล็อกศักยภาพทางด้านความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ด้วยการให้โอกาสและช่องทางกับศิลปิน เพื่อให้พวกเขาสามารถสร้างรายได้ผ่านผลงานของตัวเอง และยังให้ช่องทางกับแฟนๆ ในการฟังเพลง และได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงเหล่านั้นด้วย

 

เช่นเดียวกับ Spotify ในประเทศไทย เราทำงานเพื่อให้ศิลปิน ผู้สร้างสรรค์ผลงาน และผู้ที่รักเสียงดนตรี ได้มั่นใจว่าพวกเขาจะได้ประโยชน์จาก Spotify ดนตรีไม่มีพรมแดน และเราจะพยายามเชื่อมต่อศิลปินเข้ากับแฟนๆ อย่างเช่นล่าสุด เราก็เชิญให้ Slot Machine ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศอินโดนีเซียด้วย

 

ในฐานะที่เป็นตลาดหลักของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราตั้งใจที่จะให้ความรู้และสร้างจิตสำนึกให้กับกลุ่มคนที่รักการฟังเพลง ในการฟังเพลงอย่างถูกกฎหมายและปลอดภัย เราเชื่อว่าอุตสาหกรรมดนตรีมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก และเราตื่นเต้นที่จะได้สนับสนุนผ่านอุตสาหกรรมมิวสิกสตรีมมิง

 

จากผลการรายงานปี 2016 ของ Nielsen ระบุว่า 88% ของชาวไทย ฟังเพลงจากแอปพลิเคชัน และบริการสตรีมมิงมิวสิกเริ่มเป็นที่นิยมในไทย ด้วยความแพร่หลายของสมาร์ทโฟน และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เรามีโอกาสเติบโตยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน นอกเหนือจากนี้แล้ว เราจะยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยค้นพบสิ่งใหม่ๆ ทั้งสำหรับผู้ใช้งานและศิลปิน

 

 

Spotify เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Spotify for Artists ที่ให้ศิลปินอิสระอัปโหลดผลงานเพลงเข้า Spotify ได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านค่ายหรือตัวกลาง เล่าให้เราฟังเกี่ยวกับฟีเจอร์นี้หน่อย

ตั้งแต่เราเปิดตัว Spotify for Artists หนึ่งในความต้องการหลักๆ ของศิลปินคือ การอัปโหลดเพลงตัวเองเข้า Spotify ได้โดยตรง ศิลปินหลายคนบอกเราว่า อยากให้การแชร์ผลงานง่ายขึ้น ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราจึงทดสอบเครื่องมืออัปโหลดเพลงที่ง่าย สะดวก และโปร่งใส ใน Spotify for Artists ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในช่วง Beta และใช้งานได้ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

 

เราได้ยินมาว่าคุณมีประสบการณ์การทำงานที่ Disney มาก่อน เหตุการณ์ไหนที่ทำให้คุณบอกลาบริษัทที่มีประวัติมายาวนาน เจ้าของผลงานมากมาย มาเริ่มต้นใหม่กับบริษัทที่มีวัฒนธรรมองค์กรและแนวคิดธุรกิจที่ต่างกันมากๆ และการตัดสินใจดังกล่าวเปลี่ยนแปลงการทำงานของคุณอย่างไรบ้าง

Spotify และ Disney ต่างกันตรงที่ Spotify เป็นบริษัทที่แก่นหลักเป็นบริษัทดนตรี แต่มีการออกแบบแบบบริษัทเทคโนโลยี แต่ในเวลาเดียวกันทั้ง Spotify และ Disney ก็มีความเหมือนกันในความยึดมั่นและทุ่มเทในการเติมเต็มชีวิตของผู้คนผ่านความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ไม่ว่าจะด้วยดนตรีเหมือนที่ Spotify ทำ หรือภาพยนตร์และรายการทีวีอย่างที่ Disney ทำ

 

หลังจากการทำงานหลายปีที่ Disney ด้วยการพัฒนาองค์กรและขยายธุรกิจไปในระดับภูมิภาค ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่จะเลือกโอกาสใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิม Spotify มีวัฒนธรรมองค์กรที่สร้างสรรค์ แปลกใหม่ และรูปแบบธุรกิจที่กระตือรือร้นอยู่เสมอ ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของผม

 

Spotify ยังเป็นแบรนด์มีเดียที่โตเร็ว ลงทุนในด้าน R&D (มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มคุณภาพของสินค้าและบริการ) และการบริหารแบบ Localisation (ปรับตัวสู่ท้องถิ่น) รวมทั้งแผนการเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผมจึงตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่มีความกระตือรือร้น และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล

 

คุณมีวิสัยทัศน์สำหรับ Spotify ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไร

ทวีปเอเชียมีมรดกทางวัฒนธรรมและดนตรีมาเนิ่นนาน ดนตรีถือเป็นส่วนสำคัญในสังคมมาตลอดหลายปี และเป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่ทำให้ผู้คนนับล้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพลิดเพลินเสมอมา

 

ทุกวันนี้เราเห็นผู้คนที่รักเสียงเพลงจำนวนมากหันมาใช้บริการสตรีมมิงมิวสิก และเลิกดาวน์โหลดเพลงผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นข่าวที่น่ายินดี และ Spotify ก็ต้องการสร้างความมั่นใจว่าผู้สร้างสรรค์ผลงานทั้งหลายจะได้รับส่วนแบ่งรายได้อย่างเป็นธรรม และแฟนๆ ของศิลปินก็ฟังเพลงอย่างถูกต้อง

 

นอกจากเราตั้งใจจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว เรายังยึดมั่นในการเชื่อมโยงแฟนเพลงเข้ากับศิลปินผ่านแพลตฟอร์ม และการริเริ่มโครงการใหม่ๆ อย่าง Spotify on Stage จุดมุ่งหมายคือ การผลักดันความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมเพื่อการเติบโต และเป็นผู้สนับสนุนหลักของอุตสาหกรรมดนตรี ทั้งระดับโลกและระดับท้องถิ่น

 

 

ภาพประกอบ: Pichamon W.

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล