แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีม ‘สิงโตคำราม’ อังกฤษ ขอรับผิดชอบในการตัดสินใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2020 หลังจากที่ทีมแพ้ในช่วงของการดวลจุดโทษ ขณะที่รัฐบาลอังกฤษประณามแฟนบอลที่บันดาลโทสะเหยียดสีผิวใส่ 3 สตาร์ดาวรุ่งของทีมที่ยิงจุดโทษพลาด
ชาวอังกฤษซึ่งรอคอยโอกาสในการลุ้นแชมป์รายการใหญ่มายาวนานกว่า 55 ปีนับตั้งแต่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1966 บนแผ่นดินเกิดต้องผิดหวังทั้งประเทศเมื่อไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งอย่างอิตาลีได้ ทั้งที่ได้ประตูออกนำไปก่อนตั้งแต่ต้นเกมจากการยิงของ ลุค ชอว์ ในเวลาเพียง 1 นาที 57 วินาที ซึ่งเป็นการยิงประตูเร็วที่สุดในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรด้วย
โดยในช่วงครึ่งเวลาหลัง เลโอนาร์โด โบนุชชี ตีเสมอให้อิตาลีได้ ก่อนที่ทั้งสองทีมจะเสมอกัน 1-1 จนหมดเวลา 120 นาที และต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งปรากฏว่าอิตาลีแม่นกว่า เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะไปได้ โดยจุดพลิกผันสำคัญเกิดขึ้นที่มือสังหารคนที่ 3, 4 และ 5 ของทีมคือ มาร์คัส แรชฟอร์ด, จาดอน ซานโช และ บูกาโย ซากา ยิงพลาดทั้งหมด หลังจากที่ 2 รายแรกคือ แฮร์รี เคน และ แฮร์รี แม็กไกวร์ ซัดไม่เหลือ
การตัดสินใจส่งแรชฟอร์ดและซานโชลงไปเพื่อทำหน้าที่สังหารจุดโทษในช่วงท้ายของการต่อเวลาพิเศษนั้นเป็นที่กังขาอย่างมากสำหรับแฟนๆ เพราะทั้งสองรายมีเวลาน้อยเกินไปในสนาม อีกทั้งการเลือกคนยิงคนสุดท้ายเป็นเด็กที่สุดในทีมอย่างซากา ดาวเตะวัย 19 ปีที่มีประสบการณ์น้อยที่สุดในการรับหน้าที่ลูกยิงสำคัญที่สุดก็เป็นสิ่งที่มีการวิจารณ์มากเช่นกัน
เรื่องนี้เซาธ์เกตในฐานะผู้จัดการทีมยืนยันว่า เขาเป็นผู้รับผิดชอบการตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง “มันขึ้นอยู่กับผมเอง” เซาธ์เกตกล่าว “ผมตัดสินใจเลือกคนยิงจุดโทษจากสิ่งที่พวกเขาทำในตอนซ้อม ไม่มีใครที่ตัดสินใจเลือกเอง เราชนะด้วยกันทั้งทีมและการที่เราไม่ชนะก็หมายถึงเราไม่ชนะด้วยกันทุกคน”
“ในเรื่องของจุดโทษ มันคือการตัดสินใจของผมและทั้งหมดขึ้นอยู่กับผมคนเดียว”
เซาธ์เกตซึ่งเคยเป็นคนซัดจุดโทษพลาดในเกมรอบรองชนะเลิศฟุตบอลยูโร 1996 ยังยอมรับด้วยความการแพ้ในนัดชิงชนะเลิศนั้นเป็นเรื่องที่เจ็บปวดอย่างเหลือเชื่อ แต่คิดว่าลูกทีมทุกคนไม่มีอะไรต้องเสียใจและควรภูมิใจกับสิ่งที่ทำมาตลอด
“พวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน เด็กๆ ทุกคนได้มอบความทรงจำที่เหลือเชื่อให้แก่ประเทศชาติ” เซาธ์เกตกล่าว
ด้านนายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ได้ออกมาประณามแฟนบอลนิสัยเสียที่บันดาลโทสะหลังทีมแพ้ด้วยการเหยียดสีผิวใส่แรชฟอร์ด, ซานโช และซากา สามดาวเตะที่ยิงจุดโทษพลาด “ทีมชาติชุดนี้สมควรได้รับเสียงปรบมือดังฮีโร่ ไม่ใช่ต้องมาโดนเหยียดสีผิวบนโซเชียลมีเดีย คนที่ทำแบบนั้นสมควรที่จะละอายใจแก่ตัวเองมากกว่า”
ส่วนทางด้านสมาคมฟุตบอลอังกฤษร่วมออกมาปกป้องนักเตะที่ถูกเหยียดสีผิวเช่นกัน และยืนกรานว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะกำจัดการเหยียดสีผิวให้หมดไปให้ได้
อ้างอิง: