บรรดาผู้นำประเทศกลุ่มเศรษฐกิจชั้นนำ 20 ประเทศ (G20) ลงมติรับรองแผนขยายเวลาพักชำระหนี้ของประเทศยากจนไปจนถึงกลางปี 2021 พร้อมสนับสนุนเปิดทางให้เจ้าหนี้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการรับมือกับปัญหาดังกล่าว ซึ่งมีแนวโน้มจะรุนแรงสาหัส เพราะผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
ก่อนหน้านี้ภายหลังเกิดการระบาดไม่นาน G20 ได้ออกโครงการพักชำระหนี้ขึ้น โดยช่วยให้ 46 ประเทศจากที่มีอยู่ 73 ประเทศเลื่อนการจ่ายหนี้ในปี 2020 มูลค่ารวม 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐออกไป เพื่อช่วยให้ประเทศเหล่านี้มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะต่อสู้รับมือกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ระบาด
โดยในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากประเทศกลุ่ม G20 ได้เห็นชอบให้ขยายโครงการพักชำระหนี้ไปจนถึงเดือนเมษายนปีหน้า ก่อนขยายระยะเวลาออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ร่วมของการประชุม G20 ครั้งล่าสุดระบุชัดว่า โครงการพักชำระหนี้ในช่วงที่ผ่านมาไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากขาดความร่วมมือจากภาคเอกชน ขณะที่ประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่อย่างจีนก็ล้มเหลวในการดึงสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง อย่าง China Development Bank เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการบรรเทาปัญหาหนี้
ด้าน Kristalina Georgieva ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหาแนวทางและกรอบการทำงาน ที่จะช่วยจัดการปัญหานี้ให้แก่ประเทศยากจนอย่างยั่งยืน ขณะที่ Eric LeCompte ที่ปรึกษาองค์กรสหประชาชาติ (UN) และผู้อำนวยการบริหาร Jubilee USA Network กล่าวว่า แผนพักชำระหนี้ของ G20 ในขณะนี้ยังไม่ครอบคลุมถึงประเทศรายได้ปานกลาง ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ในระดับสูง และจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากนานาประเทศ
ท่าทีดังกล่าวของ G20 ยังมีขึ้นหลังจากที่ หลิวคุน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังจีน เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ว่า จีนรั้งอันดับหนึ่งในกลุ่ม G20 ในด้านปริมาณการพักชำระหนี้ภายใต้แผนริเริ่มพักชำระหนี้สำหรับกลุ่มประเทศยากจน โดยบรดาเจ้าหนี้ของจีน อย่าง หน่วยงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของจีน (CIDCA) และธนาคารเพื่อการส่งออก-นำเข้าแห่งประเทศจีน (Chexim) ได้ระงับภาระหนี้รวม 1,353 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.09 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อ 23 ประเทศยากจน
ผลกระทบจากวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 กำลังสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง ซึ่งรวมถึงการที่บริษัทเอกชนหลายรายต้องประกาศปิดกิจการ หรือยื่นเรื่องขอล้มละลาย เนื่องจากไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายและภาระหนี้สินที่เกิดขึ้นได้ จากการที่กิจกรรมการค้าการลงทุนต้องหยุดชะงักไป
โดยล่าสุด ถึงคิวของ Guitar Center (GC) เครือร้านขายเครื่องดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีสาขามากมายถึง 269 แห่งทัวสหรัฐฯ ที่ยื่นเรื่องขอล้มละลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ GC ระบุว่า ขั้นตอนดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อลดภาระหนี้ และเพิ่มความสามารถในการลงทุนของบริษัท ที่จะเอื้อต่อการเติบโตในระยะยาว
ทั้งนี้ ทาง GC ประสบปัญหาวิกฤตการเงินและหนี้สิ้นอย่างหนักตั้งแต่ช่วงหลายปีก่อน เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภค และความนิยมต่อเครื่องดนตรีของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในช่วงโควิด-19 ที่ต้องปิดร้านในเครือ ก็ยิ่งทำให้ยอดขายของทาง GC ดิ่งลงอย่างมาก
แถลงการณ์ของทาง GC ระบุว่า การยื่นขอล้มละลายจะทำให้บริษัทได้รับเงินจากหุ้นกู้ตัวใหม่มาถึง 165 ล้านดอลลาร์ ขณะที่บรรดาเจ้าหนี้ก็ตกลงยินยอมลดหนี้ของบริษัทลงเกือบ 800 ล้านดอลลาร์
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: REUTERS, CNN