วันนี้ (18 มกราคม) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่หอประชุมชั้น 4 อาคาร SC 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมผู้บริหารพรรคและสมาชิกพรรค จัดงาน ‘อย่ากลัวอนาคต’ เพื่อนำเสนอภารกิจของพรรคที่ได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา พร้อมนำเสนอพิมพ์เขียวการพัฒนาประเทศ โดยชี้ให้เห็นถึงปัญหาต่างๆ ที่เรื้อรังของประเทศ ทั้งเศรษฐกิจ โครงสร้างสังคม งบประมาณ และการพัฒนาคน
ธนาธรเริ่มต้นการบรรยายด้วยการพูดถึงโมเดลการพัฒนาประเทศแบบ ‘ประชารัฐ’ ที่อาจสร้างปัญหาให้กับประเทศในอนาคต ทั้งอาจเกิดการผูกขาด ความเหลื่อมล้ำ การพัฒนาแบบไร้เทคโนโลยี และอุปสรรคในการพัฒนามนุษย์
หลังจากนั้นธนาธรนำเสนอโมเดลการกำจัดขยะในรูปแบบต่างๆ และนำเสนอแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายรายปี โดยการใช้งบในส่วนที่สามารถบริหารจัดการได้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
จากนั้นธนาธรได้นำเสนอ ‘Thai Summit Tech Camp’ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างเท่าเทียมกัน ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา โดยเสนอให้ตั้งศูนย์เทคโนโลยีประจำอำเภอ ซึ่งจะใช้งบประมาณจำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท โดยธนาธรบอกว่า เทียบเท่ากับการซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ
ธนาธรยังได้เน้นย้ำถึงการเมืองที่ดี ซึ่งจะนำพาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น และจะทำให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน
หลังจากนั้น ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงปิดคดีนอกศาล กรณีที่มีผู้ร้องศาลรัฐธรรมนูญขอให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ โดย อ.ปิยบุตร กล่าวถึงตั้งแต่ช่วงการก่อตั้งจดแจ้งชื่อพรรค ก็มีผู้ร้องไม่ให้ กกต. รับรองการจัดตั้งพรรค กระทั่งล่าสุด มีผู้ร้องขอให้ยุบพรรค โดยผูกโยงเรื่องราวทั้งเรื่องนโยบายพรรค เรื่องการลงสัตยาบันกรุงโรม เรื่องการรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่เรื่องการบรรยายเชิงวิชาการเมื่อครั้งยังเป็นอาจารย์อยู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ปิยบุตรกล่าวว่า ไม่มีตรงไหนที่เรารณรงค์ให้ล้มล้างรัฐธรรมนูญ ไม่มีตรงไหนที่เราให้เปลี่ยนระบอบ แต่เราต้องการทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอนาคตที่ดีขึ้น เปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น ส่วนคนที่ล้มล้างระบอบการปกครองที่แท้จริง คือคนที่ฉีกรัฐธรรมนูญ และตั้งตนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
ปิยบุตรยังกล่าวถึงการยุบพรรคว่า ปากกาไม่ได้อยู่ที่เรา ดังนั้น เราต้องทำให้กระสุนการยุบพรรค กลายเป็นกระสุนด้าน โดยมีแนวทางดังนี้
- หากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ขอเรียกร้องให้ ส.ส. อนาคตใหม่ ย้ายไปพรรคใหม่ที่มีแนวทางเดียวกับเรา
- ให้สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ประมาณ 60,000 กว่าคน ย้ายไปสมัครพรรคใหม่โดยพร้อมเพรียงกัน
ส่วนแนวทางของแกนนำพรรคนั้น หากถูกตัดสิทธิทางการเมือง ธนาธรก็จะเดินสายทางการเมืองต่อไป ไม่กลับไปทำธุรกิจอีกแล้ว ส่วนปิยบุตร ถึงแม้จะไม่มีสิทธิอภิปรายในสภาฯ ก็จะเดินสายอภิปรายนอกสภาฯ ให้ประชาชนได้ฟัง
จากนั้นในช่วงสุดท้าย เป็นช่วง ‘ถามแรง ตอบตรง’ โดยมี สุทธิชัย หยุ่น ในฐานะสื่อมวลชนอาวุโสมาดำเนินรายการ เพื่อสัมภาษณ์ธนาธรและปิยบุตร ด้วยคำถามต่างๆ แบบตรงไปตรงมา
หนึ่งในคำถามที่สุทธิชัยถามทั้งสองคนคือ มีการตั้งพรรคใหม่รองรับหรือไม่ ปิยบุตรเปิดเผยว่า การเตรียมพรรคเอาไว้ไม่ใช่เรื่องแปลกในสถานการณ์แบบนี้ แต่ขออย่าถามเลยว่าชื่ออะไร หวังว่าจะไม่ยุบ
ส่วนคำถามที่ว่า อนาคตใหม่จะพาคนลงถนนหรือไม่ ปิยบุตรตอบว่า หากการเมืองในระบอบรัฐสภาสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ การเมืองบนท้องถนนก็จะไม่เกิดขึ้น โดยการชุมนุมมีหลายรูปแบบ อาจไม่ได้เหมือนการชุมนุมแบบในอดีต
ส่วนธนาธรกล่าวว่า การชุมนุมที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่จำเป็นต้องมีความรุนแรง การชุมนุมแบบสันติก็สามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ การชุมนุมต้องอย่าให้สังคมไปสู่ทางตัน การชุมนุมแบบแตกหัก แบบม้วนเดียวจบ ไม่เคยอยู่ในกระบวนทัศน์ของเรา
ก่อนหน้านี้การจัดกิจกรรม ‘อย่ากลัวอนาคต’ มีกำหนดจัดงานขึ้นที่ Thailand E-Sports Arena เดอะ สตรีท รัชดา ชั้น 5 แต่ปรากฏว่า ในเวลาต่อมา มีการแจ้งเปลี่ยนสถานที่เป็นอาคาร SC 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
สำหรับกิจกรรม ‘อย่ากลัวอนาคต’ อาจเป็นกิจกรรมสุดท้ายของพรรคอนาคตใหม่ที่จัดขึ้น ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยในคดีที่มีผู้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ในข้อหาล้มล้างการปกครอง หรือที่รู้จักกันในนามคดี ‘อิลลูมินาติ’ ในวันที่ 21 มกราคม 2563 เวลา 14.00 น.