สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่รุนแรงขึ้นในเวลานี้ ได้เริ่มส่งผลกระทบให้การผลิตของภาคอุตสาหกรรมชะลอลงหรือเริ่มทำได้ไม่เต็มศักยภาพบ้างแล้ว เนื่องจากโรงงานหลายแห่งต้องปิดพื้นที่บางส่วนที่พบการติดเชื้อเพื่อทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อ ขณะที่แรงงานที่ติดเชื้อก็ต้องหยุดงานเพื่อไปรักษาตัว ทำให้ไม่สามารถเดินสายการผลิตได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ยังคาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่ดีขึ้น และจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ยังอยู่ในหลักหมื่นรายต่อวันอย่างต่อเนื่อง จนภาครัฐต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น เช่น การห้ามเดินทาง ผลกระทบต่อภาคการผลิตก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งในท้ายที่สุดจะกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงภาคส่งออกซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยในเวลานี้
“ตอนนี้ ส.อ.ท. ได้เน้นย้ำให้โรงงานต่างๆ ใช้มาตรการป้องกันอย่างเต็มที่ แยกการทำงานออกเป็นส่วนๆ และมีทีมสลับหมุนเวียนกัน เพื่อให้การผลิตไม่สะดุดเมื่อพบปัญหาการติดเชื้อ และสามารถแยกปิดพื้นที่เป็นส่วนๆ ได้ นอกจากนี้ เราก็พยายามผลักดันเรื่องการใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit เพื่อคัดกรองผู้ติดเชื้อเบื้องต้น” สุพันธ์ุกล่าว
อย่างไรก็ดี ประธาน ส.อ.ท. เน้นย้ำว่า ทางออกของสถานการณ์ในเวลานี้มีทางเดียวคือการเร่งนำเข้าวัคซีนให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของประเทศ ไม่เช่นนั้นมาตรการต่างๆ ของภาครัฐก็จะเปรียบเสมือนการซื้อเวลาเพื่อรอการกลับมาระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง
“ต่อให้เรายกระดับแบบอู่ฮั่น คือห้ามเดินทางเลย หยุดการผลิตเลย แต่ถ้ายังไม่มีวัคซีน พอกลับมาเปิดใหม่การระบาดก็จะกลับมาเป็นวัฏจักร วัคซีนจะเป็นทางรอดเดียวของเรา ซึ่งหากดูตัวเลขการนำเข้าวัคซีนตอนนี้ก็ยังต่ำกว่าที่รัฐบาลให้สัญญาเอาไว้กว่าครึ่ง จากเดิมที่เราคาดว่าจะคุมได้ภายในสิ้นปีนี้ ตอนนี้ก็ต้องกลับมาประเมินกันใหม่อีกครั้ง” สุพันธ์ุกล่าว