กลุ่มสมุนไพร ส.อ.ท. เปิดข้อมูลโรงงานสมุนไพรในประเทศ 500 แห่ง เสี่ยงถูกปิด เหตุไม่ผ่านมาตรฐาน GMP PIC/S ตามรอยโรงงานในประเทศไทยที่ปิดตัวลงเกือบ 2,000 แห่ง ด้านประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรแนะแนวทางแก้ไข 4 ด้าน
ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์โรงงานในประเทศไทยปิดตัวลงเกือบ 2,000 แห่งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 – มิถุนายน 2567 ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตเกือบ 1 ใน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทำให้แรงงานกว่า 51,500 คน สูญเสียงาน และวิกฤตดังกล่าวมีโอกาสลุกลามไปยังภาคการผลิตในอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย
จากการสำรวจพบว่า อุตสาหกรรมสมุนไพรไทยปัจจุบันยังประคับประคองตัวเองได้อย่างดี เนื่องจากผู้ประกอบการปรับตัวแบบ 360 องศา ทั้งการลงไปจับตลาดใหม่ๆ ที่เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว พัฒนาแพ็กเกจจิ้งให้มีความโดดเด่น เหมาะแก่การสะสมและเป็นของฝาก
อย่างไรก็ดี พบว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมภาคสมุนไพรที่มีความเสี่ยงถูกปิดอยู่เช่นกัน โดยพบข้อมูลน่าตกใจว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานผลิตสมุนไพรมากกว่า 1,000 แห่ง แต่มีโรงงานผลิตสมุนไพร 500 แห่งที่ยังไม่สามารถผ่านมาตรฐาน GMP PIC/S ซึ่งหากโรงงานสมุนไพรเหล่านี้ถูกปิดตัวลง ประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย และเสียโอกาสเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสรอดวิกฤตนี้ แต่หน่วยงานภาครัฐจำเป็นต้องเข้ามาช่วยเหลือเร่งด่วน มิฉะนั้นประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสการสร้างฐานเศรษฐกิจมหภาคไปได้ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรใน ส.อ.ท. ได้เสนอแนวทางแก้ไขเพื่อปิดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นใน 3 มิติ ได้แก่
- หน่วยงานภาครัฐดำเนินการอบรม จัดหลักสูตร รวมถึงจัดหาแหล่งเงินทุน เพื่อช่วยให้โรงงานขนาดเล็กมีโอกาสปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน GMP PIC/S
- หน่วยงานภาครัฐเป็นตัวกลางจับมือระหว่างโรงงานขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐาน GMP PIC/S ให้โรงงานขนาดเล็กเข้าใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นการช่วยเหลือไม่ให้รายย่อยต้องลงทุนห้องแล็บที่ใช้เงินทุนค่อนข้างสูง
- สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โรงงานสมุนไพรเหล่านี้มีแหล่งความรู้ที่สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้ รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่น่าสนใจ
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพิ่ม Positive List เพื่อให้ผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนสมุนไพรง่ายขึ้น
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดสมุนไพรในปัจจุบันอยู่ที่ 52,104.3 ล้านบาท มีแนวโน้มการเติบโต 8% ต่อปี (ข้อมูลล่าสุดจาก ส.อ.ท.) ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเติบโตมาจาก
- การเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งมีกำลังซื้อสูงและใส่ใจสุขภาพมากขึ้น จึงนิยมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสมุนไพร
- ความกังวลด้านสุขภาพ คนเริ่มกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาเคมี จึงหันมาใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรมากขึ้น
- สังคมสูงวัยและประชากรโลกมีอายุยืนยาวขึ้น ส่งผลให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ มากขึ้น ผู้คนจึงมองหาผลิตภัณฑ์สมุนไพรมาช่วยดูแลสุขภาพและป้องกันโรค
- กระแสการกลับสู่ธรรมชาติ ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติมากขึ้น จึงนิยมใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสมุนไพร
“หากทุกฝ่ายร่วมมือกันผลักดันให้การผลิตเป็นมาตรฐานเดียวกัน จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยสามารถส่งออกได้มากกว่าปัจจุบันหลายเท่า” ดร.สิทธิชัย กล่าว
ภาพ: Prathan Chorruangsak / Getty Images