เศรษฐกิจชายแดนทรุด! ปิดด่านไทย-กัมพูชา ทุบรายได้วูบ 99.9% เหลือแค่ 10 ล้าน

ส.อ.ท.เผย ปิดด่านชายแดนกัมพูชา สูญรายได้หนัก เหลือแค่ 10 ล้านบาท ลดลง 99.9% แม้ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ก.ย. ขยับขึ้นครั้งแรกรอบ 7 เดือน จากความเชื่อมั่นรัฐบาลใหม่ หวังรัฐอัด 3 มาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจโค้งสุดท้าย

วันที่ 16 ต.ค. อภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองประธาน ส.อ.ท. เผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนกันยายน 2568 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 87.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 86.4 ในเดือนสิงหาคม 2568

ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีมาจากหลายปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน เอื้อต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน

ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ยังสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกขึ้น ภายหลังกระทรวงการคลังได้ปรับลดเงื่อนไขให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สามารถค้ำประกันสินเชื่อให้สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) ได้ ส่งผลให้สภาพคล่องของผู้ประกอบการดีขึ้น

ขณะเดียวกัน การส่งออกสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและอิเล็กทรอนิกส์ ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดมาเลเซีย, เวียดนาม และไต้หวัน ขณะที่ยอดขายยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ภายในประเทศยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แรงหนุนจากงาน ‘BIG Motor Sale 2025’ โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เปิดข้อเท็จจริงพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา กางสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ยืนยัน ‘เกาะกูด’ เป็นของไทย

ด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) มีแนวโน้มขยายตัว โดยในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 การลงทุนจากต่างชาติเติบโตเพิ่มขึ้น 125% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) คิดเป็นมูลค่ารวม 225,536 ล้านบาท

โดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่มีการจดทะเบียนนิติบุคคลใหม่ของนักลงทุนต่างชาติ รวม 197 ราย เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน (YoY) คิดเป็นมูลค่า 74,792 ล้านบาท หรือ 33% ของเงินลงทุนทั้งหมด

“แม้ว่า ดัชนีพลิกบวก แต่ช่วงเดือนกันยายน ยังมีปัจจัยลบทั้งการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินคู่แข่งในภูมิภาค จึงกระทบต่อรายได้ของผู้ส่งออกและลดทอนความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยในตลาดโลก”

ขณะเดียวกัน ผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากอิทธิพลของมรสุมที่ก่อให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อเกษตร อาหารแปรรูป อย่าง ข้าว มันสำปะหลัง และยางพารา ปรับตัวลดลง กระทบต่อรายได้ กำลังซื้อของประชาชนในภูมิภาค

วิกฤตเศรษฐกิจชายแดน! เผยปิดด่านไทย-กัมพูชา รายได้วูบเหลือแค่ 10 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยที่ต้องกังวล คือการปิดด่านชายแดนกัมพูชา และด่านพรมแดนแม่สอด-เมียวดีที่ยืดเยื้อ ที่ส่งผลให้มูลค่าการค้าชายแดนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

โดยในเดือนสิงหาคม 2568 มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเมียนมาลดลงเหลือ 13,827 ล้านบาท หดตัว 20.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ขณะที่การค้ากับกัมพูชาลดลงอย่างมาก เหลือเพียง 10 ล้านบาท หดตัว 99.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า”

สำหรับ ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ระดับ 91.8 เพิ่มขึ้นจากระดับ 88.9 ในเดือนสิงหาคม 2568 ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ 3 แรงหนุน อาทิ

โครงการ ‘คนละครึ่ง พลัส’ ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนตุลาคม 2568 ภายใต้งบประมาณ 25,000 ล้านบาท
การจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 ช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและส่งเสริมการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
แนวโน้มอุปสงค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากแรงหนุนของเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมไทย ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับการประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าภายใต้มาตรา 232 ของสหรัฐอเมริกา ในกลุ่มสินค้าไม้ ยา เฟอร์นิเจอร์ และรถบรรทุกขนาดใหญ่ รวมถึงความไม่แน่นอนของคำตัดสินจากศาลฎีกาสหรัฐอเมริกาในประเด็นภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff)

อีกทั้งสถานการณ์ความตึงเครียดจากข้อพิพาทบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังคงดำเนินอยู่ ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ดังกล่าวเช่นกัน

ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ 3 ข้อ

เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการส่งเสริมการใช้สินค้า Made in Thailand (MiT) ผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยกำหนดตัวชี้วัด (KPI) ให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อสินค้า MiT ไม่น้อยกว่า 15% ภายในปี 2569 พร้อมทั้งให้ดำเนินการจัดซื้อด้วย

วิธี e-bidding เพื่อสนับสนุนสินค้าไทย

เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการลดต้นทุนด้านพลังงานและไฟฟ้า ทบทวนอัตราค่าไฟ ปรับลดวงเงินประกันการใช้ไฟฟ้าเหลือ 0.5 เท่า สำหรับผู้มีประวัติการชำระค่าไฟตามกำหนด

เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX Hedging) โดยการให้ส่วนลดค่าธรรมเนียมการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ด้านพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจไทยเดือนกันยายน 2568 มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องสะท้อนจากตัวเลขธุรกิจจัดตั้งใหม่ 8,156 ราย เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตัวเลขจัดตั้งใหม่ไตรมาส 3 มีจำนวน 23,507 ราย ชี้ให้เห็นถึงการขยับตัวขึ้นของเศรษฐกิจไทย

ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังคงให้ความเชื่อมั่นเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจรวม 770 ราย เงินลงทุนกว่า 2.53 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 88% จากปี 2567 โดยมีญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน เป็นประเทศที่นำเงินมาลงทุนสูงสุด

ภาพ: bergserg / Getty Images