×

รมช.พาณิชย์ ลุยนครพนม ชู FTA ดันส่งออก Soft Power ข้าวแปรรูป-ผ้าทอพื้นเมือง

โดย THE STANDARD TEAM
29.04.2025
  • LOADING...

วานนี้ (28 เมษายน) ก่อนการประชุม ครม.สัญจร สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  นำทีมผู้บริหาร บุกตลาดสินค้าท้องถิ่นนครพนม บริษัท ข้าวคุณแม่ ฟู้ด แอนด์ เบเวอเรจ จำกัด อำเภอธาตุพนม ผู้ผลิต แปรรูป และส่งออกสินค้าข้าวและผลิตภัณฑ์ และวิสาหกิจชุมชนทอผ้าพื้นเมืองบ้านหนองสังข์ อำเภอนาแก ผู้ผลิตผ้าทอฝ้ายย้อมสีธรรมชาติจากพืชสมุนไพรและไม้มงคล หวังสืบทอดภูมิปัญญาพื้นถิ่น โดยเร่งใช้ประโยชน์ FTA ขยายการส่งออก เตรียมตัวรองรับ FTA ฉบับใหม่ๆ และหาช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ

 

สุชาติ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืน และสนับสนุนผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูป และสินค้าท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ ตามนโยบายรัฐบาล Soft Power สินค้าไทยสู่ตลาดโลกของนายกรัฐมนตรี (แพทองธาร ชินวัตร) และในโอกาสที่เข้าร่วมประชุม ครม. สัญจร ณ จังหวัดนครพนม ตนได้ลงพื้นที่พบหารือกับผู้ประกอบการ บริษัท ข้าวคุณแม่ ฟู้ด แอนด์ เบเวอเรจ จำกัด อำเภอธาตุพนม ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวอินทรีย์ไปตลาดฮ่องกงและสิงคโปร์ และนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมายกระดับการผลิตข้าวให้มีคุณภาพและมาตรฐาน ทำให้ผลผลิตที่ออกมามีตลาดรองรับและจำหน่ายได้ราคาสูง

 

โดยผู้ประกอบการแจ้งว่า ต้องการขยายการส่งออกไปตลาดสหภาพยุโรป ตนจึงได้แจ้งว่า ปัจจุบันไทยได้ลงนามความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย – EFTA หรือสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association: EFTA) ประกอบด้วย 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ และอยู่ระหว่างกระบวนการภายในประเทศเพื่อให้ความตกลงมีผลบังคับใช้ ซึ่งเอฟตาเป็นกลุ่มประเทศในยุโรปที่มีกำลังซื้อสูง โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่จะได้ประโยชน์ อาทิ อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เหล็กและผลิตภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องใช้สำหรับเดินทาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เครื่องสำอาง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์พลาสติก รวมถึงสินค้าข้าว

 

นอกจากนี้ ไทยยังอยู่ระหว่างการเจรจา FTA ไทย – EU ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปผลการเจรจาได้ภายในปี 2568 ถือเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการไทยจะสามารถเข้าถึงตลาดสหภาพยุโรป 27 ประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างแต้มต่อทางการค้า และเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ไทยยืนหนึ่งในเวทีการค้าโลก และเป็นเครื่องมือในการแข่งขันทางการค้ากับประเทศอื่นๆ ได้อย่างยั่งยืน

 

สุชาติ เพิ่มเติมว่า ตนได้ประชุมกับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนทอผ้าพื้นเมืองบ้านหนองสังข์ แบรนด์ กะเลิงคราฟ อำเภอนาแก ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าผ้าทอและผลิตภัณฑ์ เช่น ผ้าคลุมไหล่ลายขิดย้อมไม้มงคล ผ้าซิ่นมัดหมี่ ซิ่นมัดหมี่ย้อมคราม ผ้าสไบลายขิด ผ้ามุกลายขิด ผ้าฝ้าย ผ้าพื้นหลากสี และผ้าฝ้ายย้อมคราม เป็นต้น โดยผ้าทอที่นี่มีความโดดเด่น มีลวดลายการทอโบราณที่สืบสานและถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นมากว่า 100 ปี เป็นผ้าลายขิดโบราณที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติจากพืชสมุนไพรและไม้มงคล เช่น ไม้ประดู่ ไม้สัก กันเกรา แก่นขนุน และดอกคำแสด ใช้วัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดปัจจุบัน ซึ่งผู้ประกอบการต้องการตลาดจำหน่ายเพิ่มเติม โดยตนจึงได้มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดและหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ร่วมกันส่งเสริมผู้ประกอบการให้เข้าถึงตลาดออนไลน์และออฟไลน์ทั้งในและต่างประเทศ และควบคู่กับการประชาสัมพันธ์สินค้าของดีในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

 

“กระทรวงพาณิชย์มุ่งร่วมผลักดันนโยบาย Soft Power ของท่านนายกรัฐมนตรีแพทองธารอย่างเต็มที่ โดยพัฒนาผู้ประกอบการสินค้าท้องถิ่นทั้งเกษตรแปรรูปและสินค้าที่ส่งเสริมอัตลักษณ์ไทยให้เติบโตเป็นผู้ส่งออก โดยผลิตสินค้าที่เชื่อมโยงกับการให้มีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยี และงานวิจัยมาต่อยอดในกระบวนการผลิตสินค้า คำนึงเรื่องการใช้วัตถุดิบธรรมชาติในท้องถิ่น แรงงานฝีมือคนไทยเป็นจุดขาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่เน้นเรื่องความคุ้มค่าและการพัฒนาสู่ความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการหาตลาดต่างประเทศรองรับ โดยเฉพาะจากประเทศที่เรามีการจัดทำ FTA ไว้ นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังให้ความสำคัญกับการช่วยผู้ประกอบการเรื่องการขยายช่องทางตลาดเพิ่มเติม ผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA ที่ไทยจัดทำกับประเทศคู่ค้า และเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทยใช้ FTA ฉบับใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อนำสินค้าแบรนด์ไทยเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ เช่น สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ และแคนาดา เป็นต้น” สุชาติกล่าวทิ้งท้าย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising