คีเลียน เอ็มบัปเป้ ทำประตูชัยในช่วง 10 นาทีสุดท้ายให้ทีมชาติฝรั่งเศส เฉือนเอาชนะสเปนได้ในศึกฟุตบอลยูฟ่าเนชันส์ลีก รอบชิงชนะเลิศฤดูกาล 2020-21 และเป็นทีมที่สองที่ได้แชมป์รายการนี้
การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่าเนชันส์ลีก รายการแข่งขันระดับทีมชาติภายใต้การจัดของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เพื่อเปลี่ยนการจัดโปรแกรมกระชับมิตรให้เป็นเกมแข่งขันทางการที่มีความหมาย ซึ่งมีขึ้นเป็นฤดูกาลที่สองต่อจากฤดูกาลแรก 2018-19 ซึ่งโปรตุเกสได้แชมป์สมัยแรกไปครองนั้นได้เดินทางมาถึงบทสรุปสำหรับฤดูกาล 2020-21 ซึ่งรอบสุดท้ายจัดขึ้นที่ประเทศอิตาลีแล้ว
โดยในเกมรอบชิงชนะเลิศเป็นการพบกันระหว่างฝรั่งเศสและสเปน โดยผลปรากฏว่าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 เป็นฝ่ายที่แซงเอาชนะไปได้หลังจากที่ทีมกระทิงดุออกนำไปก่อน 1-0 จากการทำประตูของ มิเกล โอยาร์ซาบาล ในนาทีที่ 64 แต่ คาริม เบนเซมา ช่วยยิงตีเสมอให้ฝรั่งเศสได้อย่างรวดเร็วในอีก 2 นาทีต่อมา
หลังจากนั้นในนาทีที่ 80 ฝรั่งเศสมาได้ประตูแซงนำจากจังหวะที่เอ็มบัปเป้หลุดเข้าไปยิงผ่าน อูไน ซิมอน นายทวารทีมชาติสเปน โดยจังหวะนี้เป็นที่โต้เถียงอย่างมากเนื่องจากในจังหวะที่ เตโอ แอร์กน็องเดซ เปิดบอลทะลุช่องให้นั้นดาวยิงเปแอสเชอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าชัดเจน เพียงแต่เป็นจังหวะเดียวกับที่ เอริค การ์เซีย กองหลังสเปนพยายามแหย่ขาสกัดบอล ซึ่งตามกฎแล้วมีการระบุไว้ว่า “หากผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้ารับบอลจากคู่ต่อสู้ที่มีเจตนาจะเล่นบอลจะไม่ถือว่าล้ำหน้า เพราะไม่ได้มีเจตนาที่จะช่วงชิงความได้เปรียบ”
ประตูนี้จึงเป็นประตูสู่แชมป์ของฝรั่งเศส ซึ่งกลายเป็นทีมที่ 2 ที่ได้แชมป์รายการนี้ต่อจากโปรตุเกส ขณะที่อันดับ 3 เป็นของอิตาลี ที่เฉือนเอาชนะเบลเยียมได้หวุดหวิด 2-1
เบนเซมาให้สัมภาษณ์หลังกลับมารับใช้ทีมชาติตั้งแต่ยูโร 2020 และคว้าแชมป์รายการแรกได้สำเร็จว่า “ผมอยากจะได้แชมป์กับทีมชาติฝรั่งเศสและผมทำสำเร็จแล้ว เราแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักสู้ เพราะทีมนี้เป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก และไม่เคยยอมแพ้ ซึ่งเราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในวันนี้”
ส่วนข่าวร้ายสำหรับแฟนฝรั่งเศสและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คืออาการบาดเจ็บของ ราฟาเอล วาราน ที่ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 43 ให้ ดาโยต์ อูปาเมกาโน ลงสนามแทน
อ้างอิง: