เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงวัฒนธรรมต่างๆ ให้มากขึ้น ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมารัฐบาลฝรั่งเศสจึงได้เปิดตัวแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟนภายใต้ชื่อ Culture Pass ซึ่งจะมอบเงิน 300 ยูโร หรือราว 11,700 บาทให้กับเด็กอายุ 18 ปีทั่วประเทศ สำหรับนำไปซื้อสินค้าที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ดนตรี หรือตั๋วนิทรรศการและการแสดง
กลุ่มวัยรุ่นกว่า 825,000 คน สามารถซื้อสินค้าที่จับต้องได้จากร้านหนังสือ ร้านแผ่นเสียง และร้านขายอุปกรณ์ศิลปะหรือร้านขายเครื่องดนตรี พวกเขาสามารถซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ ละคร คอนเสิร์ต หรือนิทรรศการพิพิธภัณฑ์ และพวกเขาสามารถลงทะเบียนเรียนเต้น ระบายสี หรือวาดรูปได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันมีธุรกิจและสถาบันกว่า 8,000 แห่งที่เข้าร่วมในแอปพลิเคชันนี้แล้ว
เงินจำนวนดังกล่าวจะสามาถใช้ได้นาน 2 ปี โดยแอปพลิเคชันมาพร้อมกับข้อจำกัดในตัว ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้จ่ายได้ถึง 100 ยูโรสำหรับข้อเสนอต่างๆ เช่น E-book และการสมัครรับข้อมูลสื่อออนไลน์ และบริการสตรีมเพลงหรือภาพยนตร์ ซึ่งจำกัดเฉพาะบริษัทในฝรั่งเศสเท่านั้น และแม้ว่าบัตร Culture Pass สามารถใช้กับวิดีโอเกมได้ แต่ผู้จัดการเกมจะต้องเป็นชาวฝรั่งเศส และเกมต้องไม่มีเนื้อหาที่มีความรุนแรง นี่จึงเป็นเงื่อนไขที่เข้มงวดมากจนเกมยอดนิยมส่วนใหญ่ไม่มีให้บริการ
อย่างไรก็ตาม The New York Times รายงานข้อมูลที่น่าสนใจว่า ณ เดือนนี้ หนังสือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 75% ของการซื้อทั้งหมดที่ทำผ่านแอปพลิเคชันนับตั้งแต่เปิดตัวทั่วประเทศในเดือนพฤษภาคม และประมาณ 2 ใน 3 ของหนังสือเหล่านั้นเป็นหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า ‘มังงะ’
Naza Chiffert เจ้าของร้านหนังสือสองแห่งในปารีส กล่าวว่าบัตร Culture Pass ส่งผลดีต่อธุรกิจของเธอ เพราะ “การดึงดูดคนหนุ่มสาวที่อ่านหนังสือ แต่เคยชินกับ Amazon หรือร้านค้าขนาดใหญ่มาที่เราไม่ใช่เรื่องง่าย” แต่ตอนนี้เธอมีวัยรุ่นอยู่ในร้านของเธอทุกวัน
กระนั้นโครงการดังกล่าวถูกนักวิจารณ์ออกมาโต้แย้งว่าอาจเป็นการใช้เงินภาษีไปอย่างสูญเปล่า และบางคนก็มองว่าใช้งบประมาณที่ ‘สูงเกินไป’ โครงการนี้มีมูลค่า 80 ล้านยูโร หรือราว 3.1 พันล้านบาทในปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีหน้า แม้ว่าจะยังคงเป็นเพียงเศษเสี้ยวของงบประมาณเกือบ 4 พันล้านยูโร หรือ 1.6 แสนล้านบาทของกระทรวงวัฒนธรรมก็ตาม
ขณะที่บางคนเรียกบัตรนี้ว่า เป็น ‘เครื่องมือของประธานาธิบดี’ (Presidential Gadget) ซึ่งฝ่ายค้านมองว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มกำลังใช้โครงการนี้เป็นเครื่องมือหาเสียงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้า และชี้ว่าแทนที่จะทำโครงการดังกล่าว ควรสนับสนุนโครงการที่มีอยู่แล้ว เช่น โครงการที่ดำเนินการโดยศูนย์ชุมชนเยาวชน ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมของฝรั่งเศสได้โต้กลับว่า โครงการนี้จะช่วยให้สถาบันวัฒนธรรมสามารถเข้าผู้ชมอายุน้อยได้ ซึ่งปกติมักดึงดูดได้ยากหากต้องการเข้าถึงผ่านสมาร์ทโฟน
ภาพ: Mehdi Taamallah/NurPhoto via Getty Images
อ้างอิง: