×

ศาลอาญาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ‘อดีตกำนันนก’ คดีใช้ให้ลูกน้องคนสนิทสังหารสารวัตรศิว เพิ่มโทษเดิมนับต่อจากคดีในศาลอาญาคดีทุจริตฯ

โดย THE STANDARD TEAM
30.01.2025
  • LOADING...
อดีตกำนันนก

วันนี้ (30 มกราคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3694/2566 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ประวีณ จันทร์คล้าย หรืออดีตกำนันนก อายุ 37 ปี อดีตกำนันในจังหวัดนครปฐม เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ใช้หรือจ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 68, 80, 84 และ 288

 

อัยการโจทก์ฟ้องระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 เวลากลางคืนจำเลยจ้างวานให้ ธนัญชัย หมั่นมาก หรือหน่อง ท่าผา คนสนิท (ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญในเวลาต่อมา) ใช้อาวุธปืนยิง พ.ต.ต. ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรศิว สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ในงานเลี้ยงวันเกิดภายในบ้านพักของจำเลยที่ตำบลตาก้อง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา และกระสุนยังถูก พ.ต.ท. วศิน พันปี รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยจำเลยให้การปฏิเสธ

 

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในวันที่เกิดเหตุจำเลยได้จัดงานเลี้ยงขึ้นที่บ้าน โดยเชิญนายตำรวจและข้าราชการตำรวจชั้นประทวนมาร่วมงานเลี้ยง โดยจัดวางโต๊ะ 2 ฝั่ง ฝั่งขวาเป็นโต๊ะ VIP มี พ.ต.ต. ศิวกร นั่งร่วมโต๊ะด้วย ซึ่งจำเลยนั่งหัวโต๊ะทั้งฝั่ง VIP และฝั่งซ้ายเป็นโต๊ะยาวที่มีโต๊ะตั้งเรียงอยู่ 5 ตัว

 

ก่อนเกิดเหตุจำเลยขอให้ พ.ต.ต. ศิวกร ช่วยย้าย จ.ส.ต. พิสิฐ หรือจ่าอาร์ต ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานชายของจำเลย ให้ไปเป็นสายตรวจรถจักรยานยนต์ โดย พ.ต.ต. ศิวกร บอกว่าขอให้รอดูช่วงเดือนตุลาคมนี้ก่อน เป็นช่วงที่มีการเกษียณอายุราชการของตำรวจในหน่วย ทำให้จำเลยไม่พอใจและท้าดวลดื่มสุรา

 

โดยในการดื่มสุรานั้นมีการใช้ผ้าผูกแขน พ.ต.ต. ศิวกร กับจำเลยไว้ในทำนองว่าไม่ให้ลุกหนี ซึ่งฝ่ายจำเลยดื่มแพ้ พ.ต.ต. ศิวกร พูดในทำนองว่าดื่มหมดก่อนทุกครั้ง ทำให้จำเลยรู้สึกเสียหน้า ท่าทีนิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นตบโต๊ะ จากนั้นลุกออกจากโต๊ะ VIP เดินกลับไปนั่งหัวโต๊ะของฝั่งโต๊ะยาวและมีอาการฉุนเฉียว โดย จ.ส.ต. พิสิฐและ พ.ต.ต. ศิวกร เดินตามมาขอโทษ ซึ่ง จ.ส.ต. พิสิฐ นั่งกอดเอวจำเลย ขณะที่ พ.ต.ต. ศิวกร นั่งอยู่ข้างๆ และพูดทำนองว่าดื่มกันสนุกๆ เฉยๆ ฝ่ายจำเลยบอกกับ จ.ส.ต. พิสิฐ ว่าให้รีบเดินทางกลับไป เดี๋ยวเลือดเปื้อนหน้า จากนั้น จ.ส.ต. พิสิฐ เดินทางกลับ ขณะที่ พ.ต.ต. ศิวกร กลับไปนั่งที่โต๊ะ VIP ในตำแหน่งหัวโต๊ะที่จำเลยนั่ง

 

โดยในระหว่างนั้นธนัญชัยเห็นเหตุการณ์ รับทราบว่ามีความไม่พอใจกันอยู่ระหว่างจำเลยกับ พ.ต.ต. ศิวกร รวมถึงได้ยินจำเลยถามหาอาวุธปืนและพูดว่าแบบนี้เอาไว้ไม่ได้ ซึ่งคนปกติทั่วไปเข้าใจว่าหมายถึงต้องฆ่าให้ตาย ธนัญชัยจึงเดินไปที่โต๊ะ VIP หันมาถามจำเลยว่า “ลูกพี่เอาไง” จำเลยพยักหน้า ธนัญชัยจึงใช้อาวุธปืน Glock ขนาด 9 มม. ยิงผู้ตายหลายนัด กระสุนปืนไปถูก พ.ต.ท. วศิน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งสองถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนครปฐม และ พ.ต.ต. ศิวกร เสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68, 80, 84 และ 288 เป็นผู้ใช้ให้ฆ่าผู้อื่น อันเป็นโทษบทหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ในระหว่างการพิจารณาคดีจำเลยได้บรรเทาผลร้าย จนโจทก์ร่วม ซึ่งมีพ่อ แม่ ภรรยา และบุตร ของ พ.ต.ต. ศิวกร และ พ.ต.ท. วศิน พอใจจนยอมถอนคำร้องเรียกค่าเสียหาย ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และให้ริบของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และให้นับโทษต่อในคดี อท.206/2566 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ให้ลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 12 ปี

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีเกี่ยวพันกัน ก่อนหน้านี้อัยการสูงสุดมีคำสั่งมอบหมายให้อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนตามจำนวนที่เห็นสมควร เข้าให้คำแนะนำปรึกษาในการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาที่ 24/2566 และ 25/2566 ของกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ตามที่กองบังคับการปราบปรามร้องขอ กรณีอดีตกำนันนกกับพวก ในความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามคดีอาญาของกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ที่ 24/2566

 

และกรณี พ.ต.ต. เกียรติศักดิ์ สมสุข อดีตสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน กับพวก รวม 6 คน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง, เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด, ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้นโดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ตามคดีอาญาของกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ที่ 25/2566

 

โดยมีการแต่งตั้งพนักงานอัยการคณะทำงาน ดังนี้

 

  1. กุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
  2. วัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นคณะทำงาน
  3. ร.ต.อ. อมตะ ชนะพงษ์ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 เป็นคณะทำงานและเลขานุการ ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาคดีจนพนักงานสอบสวนทำสำนวนส่งความเห็นให้

 

พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 3 ยื่นฟ้อง พ.ต.ต. เกียรติศักดิ์ จำเลยที่ 1 กับพวก รวม 23 คน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 86, 91, 92, 157, 184, 189 และ 200, พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 เป็นตำรวจ 16 นาย ในความผิดต่อตำแหน่งราชการ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และพลเรือน 7 คน ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวม 23 คน 

 

โดยศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-3 และ 5 คนละ 2 ปี, จำคุกจำเลยที่ 4, 6-13, 15-20 และ 23 คนละ 1 ปี 4 เดือน, จำคุกจำเลยที่ 21 1 ปี 9 เดือน 21 วัน, จำคุกจำเลยที่ 22 (อดีตกำนันนก) 2 ปี, จำคุกจำเลยที่ 9-11, 19, 20 และ 23 ให้รอการลงโทษ 2 ปี และยกฟ้องจำเลยที่ 14

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising