วันนี้ (30 สิงหาคม) ที่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก พล.ต.ท. สราวุฒิ การพานิช รองจเรตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท. อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จเรตำรวจ (สบ 8), พล.ต.ต. ภูริวัจน์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 6 สำนักงานจเรตำรวจ, พ.ต.อ. เจนกมล คำนวล รองผู้บังคับการกองตรวจราชการ 8 สำนักงานจเรตำรวจ, พ.ต.ท. พงษ์ปกรณ์ พิพัฒนสมพร รองผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการกองตรวจราชการ 8 สำนักงานจเรตำรวจ ร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนในส่วนของตำรวจภาค 6 อีก 4 นาย ได้เดินทางมาที่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลกเพื่อแจ้งข้อกล่าวทางวินัยร้ายแรงให้ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ กับพวกรวม 7 คน ทราบ ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้บัญชาการเรือนจำไม่อนุญาตให้คณะกรรมการทั้งหมดเข้าไปสอบปากคำอดีตผู้กำกับโจ้กับพวกภายในแดนคุมขังแต่อย่างใด โดยแจ้งว่าเป็นไปตามมาตรการป้องกันโควิด โดยอำนวยความสะดวกให้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนปากคำที่บริเวณห้องพบทนายความของเรือนจำ ใช้วิธีการพูดคุยกับอดีตผู้กำกับโจ้และพวกผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แทนการพบตัว ส่วนผู้สื่อข่าวทั้งหมดถูกกันไม่ให้เข้าตั้งแต่ประตูเรือนจำด้านนอก ซึ่งอยู่ห่างออกไปจนไม่สามารถสังเกตการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้เลย
ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งว่าทางคณะกรรมการสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับอดีตผู้กำกับโจ้ว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง คือร่วมกันทําร้ายร่างกายผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และอ้างเหตุว่าผู้ต้องหาเสพยาเสพติดเกินขนาดและต่อมาถูกดําเนินคดีอาญา ซึ่งศาลจังหวัดนครสวรรค์ได้อนุมัติให้ออกหมายจับในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด, ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทําการใด ไม่กระทําการใด หรือจํายอมต่อสิ่งใดโดยใช้กําลังประทุษร้าย และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทําทารุณโหดร้าย อันเป็นการกระทำผิดวินัยตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 79 ซึ่งมีโทษไล่ออกจากราชการหมดทั้ง 7 นาย
ด้าน พ.ต.อ. ธิติสรรค์และพวก ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และยังไม่ขอแจ้งรายละเอียดในการปฏิเสธในขณะนี้ เพื่อรอพบทนายความก่อนแล้วจึงจะให้การเพิ่มเติมในภายหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนปากคำอดีตผู้กำกับโจ้กับพวกเสร็จสิ้นแล้ว คณะกรรมการชุดของ พล.ต.ท. สราวุฒิ ได้ขึ้นรถตู้ออกจากเรือนจำไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ 31 กลับกรุงเทพมหานครในทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด