ปี 2568 ผมตัดสินใจสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ใช่เพราะ ‘อยากเป็น’ แต่เพราะ ‘อยากทำ’ – ทำในสิ่งที่เชื่อว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นในเชิงโครงสร้าง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด และสรุปได้อย่างไม่มีข้อสงสัยว่า เรากำลังติดกับดักการเติบโตต่ำ ความเหลื่อมล้ำที่รุนแรง และความไม่ทั่วถึงในการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ ความท้าทายเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยเครื่องมือชุดเดิมที่เน้นแต่เสถียรภาพโดยละเลยประสิทธิภาพและความทั่วถึง
ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์มหภาคที่มีประสบการณ์ทำงานในภาคการเงิน ผมเชื่อว่า ‘ระบบเศรษฐกิจการเงิน’ คือกลไกสำคัญในการจัดสรรทรัพยากรของประเทศ แต่ในปัจจุบันกลไกนี้ยังทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะถูกจำกัดด้วยโครงสร้างสถาบัน ข้อมูลไม่สมบูรณ์ กลไกจูงใจที่บิดเบี้ยว และพื้นที่เชิงนโยบายที่ไม่เปิดกว้างพอให้เกิดนวัตกรรมหรือของใหม่
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงตัดสินใจลาออกจาก SCB อย่างเป็นทางการตั้งแต่ 31 มีนาคม เพื่อทุ่มเวลาทั้งหมดไปกับการเตรียมข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับตำแหน่งนี้ โดยมีจุดมุ่งหมายชัดเจนว่า ถ้าจะอาสาเป็น “หัวหน้าทีมออกแบบระบบเศรษฐกิจการเงินไทย” คนต่อไป จะต้องมองปัญหาทั้งองค์รวม มีแนวทางที่ชัดเจนจับต้องได้ และสามารถลงมือทำได้จริง
ข้อเสนอ: ระบบเศรษฐกิจการเงินที่ “ทั่วถึง มีประสิทธิภาพ และเสถียรภาพ”
ผมและทีมงานเล็กๆ ได้ทำงานหนักตลอด 2 เดือนเพื่อพัฒนาแนวคิดที่ตอบโจทย์นี้ เราเริ่มจากการวิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นระบบ แล้วออกแบบข้อเสนอใน 3 มิติหลัก ได้แก่
- ความทั่วถึง (Inclusion): เช่น ระบบบัญชีหลายระดับ (Tiered Account Services) และโครงการศูนย์ข้อมูลเครดิตเชิงพาณิชย์ (Commercial Credit Reference) เพื่อให้ประชาชนและ SME เข้าถึงบริการทางการเงินที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับบริบทของตน
- ประสิทธิภาพ (Efficiency): เช่น กลไก Credit Mediator เพื่อเชื่อมข้อมูลและประเมินความเสี่ยงร่วมระหว่างภาคธุรกิจและสถาบันการเงิน ลดอุปสรรคในการปล่อยสินเชื่อ
- เสถียรภาพ (Stability): เช่น การใช้มาตรการ Countercyclical Capital Buffer (CCyB) อย่างยืดหยุ่น การปรับปรุงการดำเนินนโยบายการเงิน และการพัฒนาระบบจัดการหนี้เสียให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อเสนอทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้อยู่ภายใต้บทบาทของ ธปท. และสามารถดำเนินการได้ทันที ไม่ได้เป็นแค่แนวคิดในอากาศ แต่มี Execution Plan กำกับทุกโครงการ และอ้างอิงจากกรณีศึกษาจริงจากต่างประเทศ
(เอกสารแสดงวิสัยทัศน์ฯ ฉบับเต็ม ฉบับย่อ และเอกสารนำเสนอวิสัยทัศน์ฯ)
ประสบการณ์ในกระบวนการสรรหา
เมื่อถึงวันยื่นใบสมัคร ผมเดินทางไปด้วยตัวเอง เพราะรู้สึกว่านี่คืออีกหนึ่งประสบการณ์ในชีวิตที่สำคัญและน่าจดจำ จากนั้นใช้เวลาอีก 3 สัปดาห์ในเตรียมแผนการนำเสนอวิสัยทัศน์ (ที่ประกอบไปด้วย แผนการทำงาน ผู้เกี่ยวข้อง ตัวชี้วัดความสำเร็จ ฯลฯ) อย่างไรก็ดี การนำเสนอได้ถูกจำกัดเวลาไว้เพียง 10 นาที และมีเวลาตอบคำถามจากรรมการฯ อีก 20 นาที
แม้เวลาจะสั้น แต่ผมใช้โอกาสนี้นำเสนอภาพใหญ่ของการเปลี่ยนผ่านบทบาท ธปท. จาก ‘ผู้รักษาเสถียรภาพ’ สู่ ‘ผู้ออกแบบระบบเศรษฐกิจการเงิน’ ที่ทำงานเชิงรุก มีบทบาทมากขึ้นกับภาคเศรษฐกิจจริงและชีวิตประชาชน
หลังนำเสนอ ผมรู้ว่าผลลัพธ์อาจไม่เป็นอย่างที่หวัง และท้ายที่สุดก็มีผู้สมัครท่านอื่นได้รับการคัดเลือก
แม้ไม่ได้ถูกเสนอชื่อ แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมีค่ามาก – มิตรภาพ คำแนะนำ ความหวัง และพลังสนับสนุนจากผู้คนหลากหลายที่เห็นความตั้งใจและเนื้อหาของข้อเสนอ แล้วช่วยส่งต่อ ช่วยแชร์ ช่วยแสดงความคิดเห็น หรือแม้แต่ส่งแรงใจมาให้โดยไม่รู้จักกันมาก่อน
มื้ออาหารและเครือข่ายเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย
คืนวันหลังทราบผล อาเตา อาหงิด ชวนผมกับน้อยไปทานข้าวที่บ้านในบรรยากาศเป็นกันเอง ก่อนมื้ออาหารจะเริ่มขึ้น อาเตาหยิบมือถือขึ้นมาโทร พอปลายสายรับ แกพูดขำๆ พร้อมกับรอยยิ้มว่า
“จ๋วง…มึงว่างไหม มากินข้าวกับท่านผู้ว่าฯ สอบตกกัน”
ทุกคนหัวเราะ แล้วอีกฝ่ายตอบว่า
“อ๋อ ไปกินกับเครือข่ายบรรยงเหรอพี่…”
แกตอบทันที
“เครือข่ายบรรยงก็มีกูคนเดียวนี่แหละ และเท่าที่นั่งอยู่ตรงนี้”
เสียงหัวเราะตามมาอีกครั้ง ผมไม่ได้พูดอะไรแต่เถียงในใจ ผมรู้ว่าเครือข่ายของผมมีมากกว่านั้น เครือข่ายของผมคือทุกคนที่ยังเชื่อว่า “ระบบเศรษฐกิจไทยต้องเปลี่ยนแปลงได้” คือผู้ที่พร้อมส่งต่อแนวคิด สนับสนุนข้อเสนอ แนะนำ เสนอแนะ แสดงความเห็น เพื่อให้เสียงของนโยบายที่ดีถูกได้ยินและต่อยอดต่อไป
แม้ผมจะไม่ได้โอกาส ‘ได้ทำ’ ในตำแหน่งนั้น แต่ผมได้ ‘เริ่มทำ’ ไปแล้ว และหวังว่าการเริ่มทำของผมจะช่วยจุดประกายให้คนอื่นลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้…ให้กับเศรษฐกิจไทย
เปลี่ยนเศรษฐกิจไทยไปด้วยกัน
สุดท้ายผมขอขอบคุณ ผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหา ที่เปิดโอกาสให้ผมได้แสดงวิสัยทัศน์
ขอบคุณ ผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกคน ที่ร่วมแลกเปลี่ยน ถกเถียง พัฒนาแนวคิดกันอย่างเข้มข้น
ขอบคุณ ผู้ใหญ่หลายท่าน ที่ให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา
ขอบคุณ ทีมเล็กๆ ที่ร่วมกันทำงานใหญ่ และทุ่มเทอย่างเต็มที่ตลอดสามเดือนด้วยใจโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ
และขอบคุณ ทุกเสียงที่ส่งกำลังใจให้ ไม่ว่าจะรู้จักกันหรือไม่
ผมยังมีความหวังและจะยังคงใช้ความรู้ ความสามารถที่มี ทำหน้าที่บนบทบาทต่อไปให้ดีที่สุด เศรษฐกิจไทยจะเปลี่ยนได้ ถ้าเราออกมาอาสาทำงานเพื่อสาธารณะกันมากขึ้น
มาช่วยกัน #เปลี่ยนเศรษฐกิจไทย กันครับ
ภาพ: peshkov/Getty Images
อ้างอิง: