ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในแบรนด์บิวตี้ที่ได้รับความสนใจมากสุดทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มคน Gen Y และ Gen Z คงหนีไม่พ้นแบรนด์ Foreo จากประเทศสวีเดน ที่สามารถ Disrupt อุตสาหกรรมความงามได้อย่างไม่รู้จบ คิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานทั้งเรื่องนวัตกรรม เทคโนโลยี และความงามเข้าด้วยกัน ที่สร้างผลลัพธ์ได้อย่างน่าพอใจ พร้อมมีคนดังอย่าง มิแรนดา เคอร์, เจมมา ชาน และ คริสซี ทีเกน ต่างเป็นแฟนคลับของแบรนด์นี้
ล่าสุด THE STANDARD POP มีโอกาสได้สัมภาษณ์และพูดคุยกับผู้ก่อตั้งแบรนด์ Foreo อย่าง ฟิลิป เซดิก ที่จะมาช่วยเราถอดรหัสความสำเร็จของแบรนด์ในแง่มุมต่างๆ พร้อมสะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของ Foreo ที่ไม่เหมือนแบรนด์บิวตี้ดั้งเดิมในท้องตลาด ซึ่งเชื่อว่าอนาคตของแบรนด์นี้จะไปได้อีกไกลแน่นอน
ฟิลิป เซดิก ผู้ก่อตั้ง Foreo
คุณรู้สึกอย่างไรที่ Foreo ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์บิวตี้ที่น่าตื่นเต้นสุดในยุคนี้
เรารู้สึกดีมาก ซึ่งเราก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆ และลูกค้าของแบรนด์ที่สนับสนุนมาตั้งแต่แรก แม้ในความเป็นจริงอุตสาหกรรมบิวตี้จะไม่ได้ต้อนรับเราดีขนาดนั้นในตอนแรก และอยากให้ผลิตภัณฑ์ของ Foreo ไปวางขายอยู่ในร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี และกล้องถ่ายรูป แต่ก็เพราะลูกค้านับล้านคนของเราที่ช่วยให้ Foreo เป็นที่ยอมรับ และทำให้สื่อมองเราให้เป็นอีกหนึ่งแบรนด์บิวตี้ที่ทรงอิทธิพลที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อคนที่ใช้
ทำไมตั้งชื่อแบรนด์ว่า Foreo
ชื่อ Foreo มาจากคำว่า ‘FOR EveryOne’ ซึ่งเป้าหมายของเราคือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่แค่สำหรับกลุ่ม Elite ที่มีเงินอย่างเดียว แต่สำหรับทุกคนที่สนใจการดูแลตัวเอง ดูแลผิว และความงาม ไม่ว่าคุณจะมีเพศ อายุ หรือเชื้อชาติอะไรก็ตาม
ก่อนที่คุณจะเริ่มแบรนด์ Foreo คุณมีประสบการณ์ด้านการทำงานในวงการบิวตี้มาก่อนไหม
Foreo ไม่ใช่บริษัทบิวตี้โดยตรง แต่เป็นแบรนด์นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เลือกมาบุกตลาดบิวตี้ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เราแตกต่างจากบริษัทบิวตี้อื่นๆ ตัวผมเองเคยทำงานสายวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือมาก่อน มันเลยทำให้มุมมองในการสร้างผลิตภัณฑ์ไม่เหมือนใคร และพยายามทำสินค้าที่จะสามารถปฏิวัติวงการและมีประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์ให้ลูกค้าทุกคน
กลุ่มสินค้า Foreo
เครื่องทำความสะอาดผิวหน้า Luna Series
ช่วย Breakdown ตัวเลขของบริษัท Foreo ให้เราได้รู้หน่อย
ตอนนี้ Foreo มีขายอยู่ใน 12,000 ร้านค้า ใน 80 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเรามี 20 ออฟฟิศใน 6 ทวีป พร้อมพนักกว่า 3,000 คน ซึ่ง 67% เป็นผู้หญิงทั้งหมด ส่วนด้านยอดขาย เมื่อช่วง Black Friday ที่ผ่านมาเราขายผลิตภัณฑ์ Luna ไปกว่า 2 ล้านชิ้นภายใน 24 ชั่วโมงผ่านเว็บไซต์ของเราเอง
ตั้งแต่ Foreo ก่อตั้งมา สินค้าไหนขายดีที่สุด
แน่นอนก็ต้องเป็นตัว Luna Series ที่เราปล่อยออกมาตั้งแต่ปี 2013 และขายไปแล้วกว่า 200 ล้านชิ้นแล้วทั่วโลก
Foreo ขยายกิจการอย่างรวดเร็วตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2013 คุณกลัวไหมว่าจะถึงจุดพีกเร็วเกินไป และจะทำอย่างไรต่อไปให้แบรนด์ยังได้รับความสนใจ
การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ Foreo และแบรนด์ที่ทำสินค้าคล้ายๆ เราก็สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของสินค้าบิวตี้ผสมผสานเทคโนโลยีที่ได้ผลลัพธ์จริงๆ ซึ่งสินค้าของเราก็เปี่ยมไปด้วยคุณภาพและถูกสร้างให้ใช้งานได้หลายปี แต่มันอาจจะต้องใช้เวลาอีกกว่า 10 ปีที่ทาง Foreo จะสามารถให้ความรู้แบบครอบคลุมทุกคน เพื่อให้รู้ถึงผลประโยชน์ของเราหากเทียบกับพวกทรีตเมนต์แบบดั้งเดิม แต่เราก็ไม่กลัวว่า Foreo จะพีกแล้ว เพราะเราเชื่อว่ายังมีอีกหลายอย่างที่เราอยากผลิตออกมาสู่ตลาด และทีมของเราก็ทำงานกันอย่างหนักทุกๆ วันเพื่อให้สินค้าเราดีขึ้นไปเรื่อยๆ
ทีม Foreo ที่สำนักงานใหญ่
ทีม Foreo ที่สำนักงานใหญ่
สถานการณ์โควิด-19 ได้สร้างผลกระทบต่อ Foreo และอุตสาหกรรมบิวตี้โดยรวมอย่างไรบ้าง
ผมว่าด้านธุรกิจรีเทลท่องเที่ยว (Travel Retail) เป็นหลัก เช่น ในสนามบินและตอนเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งมักเป็นสถานที่ที่เราสามารถทำยอดขายได้เยอะอย่าง Luna หรือ UFO แต่ผมก็เชื่อว่าหากเราควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ ธุรกิจด้านนี้ก็จะกลับมาแบบยิ่งใหญ่กว่าเดิม
สถานการณ์โควิด-19 ทำให้คุณเปลี่ยนแนวคิดการบริหารแบรนด์ Foreo ไหม
สำหรับบริษัทอย่าง Foreo ที่ยังถือว่าเด็กแต่ก้าวหน้ามาตลอด เราเลือกที่จะประชุมออนไลน์แทนที่จะบินไปมามานานมากแล้วตั้งแต่ก่อนโควิด-19 จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ และมีความยืดหยุ่นกับเวลาทำงานมาตลอด แต่แน่นอนว่าเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงของลูกค้าและซัพพลายเออร์ของเรา ที่เราก็ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับพวกเขา โดยช่วงเวลาที่เราได้พักเบรกและทำงานจากที่บ้าน มันทำให้ผมได้มีเวลาหยุดและคิดหลายอย่าง ทั้งว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ทำไปทำไม เราจะไปทิศทางไหนต่อ สิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้เป็นสิ่งที่ใช่แล้วหรือไม่ เราอยากให้รูปแบบธุรกิจกลับมาแบบเดิมไหมหากสถานการณ์กลับมาปกติอีกครั้ง หรือเราจะใช้เวลาช่วงนี้ในการสร้างอะไรใหม่ที่มั่นคงยิ่งไปกว่าเดิมและจะยังคงอยู่อีก 100 ปีข้างหน้า
โซเชียลมีเดียมีส่วนสำคัญอย่างไรบ้างในการสร้างแบรนดิ้งให้ Foreo
Foreo มองว่าตัวเองเป็นแบรนด์สำหรับคนจริงๆ เราไม่พยายามสร้างภาพว่าดูเพอร์เฟกต์ตลอดเวลาเพราะมันดูปลอม เรามีทั้งวันที่ดี ที่ประสบความสำเร็จ และทำให้เราแฮปปี้จนอยากกระโดดโลดเต้น แต่บางวันทุกอย่างก็ดูแย่ไปหมด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ และเราก็อยากให้มันสะท้อนออกมากับการใช้โซเชียลมีเดียของเรา โดยบางครั้งคนหรือแบรนด์อื่นๆ ก็อาจไม่เข้าใจการใช้กลยุทธ์นี้
ทีมงาน Foreo กำลังทำวิดีโอคอนเทนต์
ทีมงานที่โรงงาน Foreo กำลังศึกษาเครื่องมาสก์หน้า UFO
Foreo มีการโฟกัสด้านการยั่งยืนและช่วยเหลือโลกอย่างไรบ้าง
การช่วยเหลือโลกและสภาพแวดล้อมถือว่าอยู่ในดีเอ็นเอของเรามาตั้งแต่แรก เราตั้งใจทำสินค้าที่ใช้ได้นานและมีผลลัพธ์ที่จะทำให้ลูกค้าใช้มันอย่างสม่ำเสมอแทนที่จะปล่อยทิ้งไว้ในตู้ ซึ่งบางคนยังใช้เครื่อง Luna ที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 2013 อยู่เลย เพราะอายุแบตเตอรี่อยู่ได้นานมาก ซึ่งก็ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยผมเองก็รู้ว่าบางบริษัททำสินค้าที่ใช้งานได้ไม่กี่ปีและต้องโยนทิ้ง ส่วนที่โรงงานเรามีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ล้อมรอบ ที่ออฟฟิศก็ไม่ให้มีการพรินต์รายงานหรือนามบัตรด้วยซ้ำ ทุกอย่างที่เราทำ เราพยายามที่จะแตกต่าง ช่วยประหยัดพลังงาน และไม่สร้างของเสียเท่าที่เราทำได้
Foreo มีการใช้อินฟลูเอนเซอร์ บล็อกเกอร์ และคนดังเพื่อช่วยโปรโมตสินค้าไหม
เราทำ แต่ก็พยายามที่จะแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่เน้นปริมาณและกวาดอินฟลูเอนเซอร์เพื่อทำให้คนแห่กันไปซื้อสินค้า โดย Foreo จะใช้เวลาเลือกคนที่สามารถอธิบายสินค้าเราได้ดีที่สุด ทั้งในแง่ว่าทำไมต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา มันใช้งานอย่างไร และคุณจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ซึ่งก็ไม่ใช่อินฟลูเอนเซอร์ทุกคนที่สามารถทำได้ โดยแค่ปีที่แล้ว (ปี 2020) เราก็มีการทำคอนเทนต์กว่า 65,000 ชิ้นในส่วนนี้
มีสินค้าหมวดใหม่ๆ ที่ทาง Foreo กำลังพัฒนาและอยากผลิตออกมาไหม
เรามีการทำวิจัยอยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างสรรค์สินค้าที่จะช่วยเหลือคุณภาพชีวิตของทุกคน แต่เราจะไม่ผลิตอะไรออกมาจนกว่าเราจะเชื่อมั่นว่าปลอดภัยและผ่านการทดสอบทางการแพทย์ ตอนนี้สินค้าที่อยู่ในขั้นตอนที่ใกล้จะผลิตออกมาก็มีเครื่องกำจัดขน เครื่องกระชับและดึงหน้า และการทำทรีตเมนต์ Stemcell ด้วยตัวเอง แต่เรายังขอไม่การันตีว่าสินค้าพวกนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ ไหม
ปิดท้าย อยากให้คุณช่วยให้คำแนะนำสำหรับคนที่สนใจหรือกำลังจะสร้างแบรนด์บิวตี้ของตัวเองหน่อย
ผมมองว่าอุตสาหกรรมบิวตี้ค่อนข้างหยุดนิ่งในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ตั้งแต่ปี 1907 ตอน Eugene Schueller คิดค้นไดร์เป่าผม แต่ผมก็สนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพทุกเจ้าที่กำลังพยายามขยายขอบเขตความเป็นไปได้ในวงการนี้ โดยผมแนะนำว่าให้มองธุรกิจบิวตี้ในด้านว่า สินค้าของคุณจะทำให้คนรู้สึกอย่างไรจากข้างในจริงๆ และสนใจเรื่องสุขภาพ แทนที่จะคิดแบบหัวโบราณว่าจะทำสินค้าที่ช่วยปกปิดปัญหาและสร้างแค่เปลือกนอก คุณควรคิดว่าจริงๆ แล้วตัวเองต้องการใช้สินค้าอะไร มากกว่าการไปแค่คิดว่าต้องการทำเงินเท่าไร
* สามารถอ่านรีวิวและบทความคู่มือเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ Foreo ได้ที่นี่: https://thestandard.co/foreo-facial-cleansing-brush/
ภาพ: Courtesy of Foreo
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า