กระแสข่าวแนวคิดการนำตำรวจจีนมาลงพื้นที่ลาดตระเวนตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ในไทยกลายเป็นที่สนใจของหลายสื่อต่างชาติ เช่น Bloomberg, Radio Free Asia, BenarNews, South China Morning Post และสื่อจีนอย่าง Global Times ซึ่งมีการรายงานและเผยมุมมองจากนักวิเคราะห์และนักเคลื่อนไหวที่มองถึงข้อดีและข้อกังวลต่างๆ
Bloomberg รายงานว่า ไทยกำลังพิจารณาแผนประจำการตำรวจจีนในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมบางแห่งของไทย เพื่อเพิ่มความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย แต่ความเคลื่อนไหวนี้จุดชนวนให้เกิดข้อถกเถียง ซึ่งนักวิจารณ์หลายคนแสดงความกังวลเรื่องอธิปไตย ขณะที่ชาวไทยจำนวนไม่น้อยพากันแสดงความคิดเห็นผ่านอินเทอร์เน็ต ตำหนิความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยส่วนใหญ่กังวลว่าประเทศไทยจะกลายเป็นอีกพื้นที่หนึ่งสำหรับการปฏิบัติการลับของรัฐบาลจีนที่มีเป้าหมายไปที่ผู้เห็นต่างชาวจีนในต่างประเทศ
ก่อนหน้านี้ ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีข่าวที่เกิดขึ้นว่า แผนนำตำรวจจีนลาดตระเวนในไทยนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเอกราชหรืออธิปไตยของไทย แต่มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับกลุ่มมาเฟียจีนหรือกลุ่มจีนสีเทาที่เข้ามาดำเนินธุรกิจและเคลื่อนไหวในประเทศไทย
นอกจากนี้ Bloomberg รายงานว่า แผนนำตำรวจจีนเข้าประจำการในไทยถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของรัฐบาลไทยในการดึงดูดนักท่องเที่ยว เนื่องจากที่ผ่านมาปรากฏกรณีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจมาเที่ยวไทยของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนบางส่วน ซึ่งถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
โดยข้อมูลอย่างเป็นทางการพบว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาไทยในปีนี้จำนวนทั้งสิ้น 2.8 ล้านคน ในขณะที่เป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้นั้นอยู่ที่ 4-4.4 ล้านคน
ทั้งนี้ รายงานของ Safeguard Defenders กลุ่มสิทธิมนุษยชนในสเปน ที่เผยแพร่เมื่อเดือนกันยายน 2022 ระบุว่า พบศูนย์ตำรวจจีนในลักษณะดังกล่าวอย่างน้อย 102 แห่งใน 53 ประเทศของ 5 ทวีป ซึ่งรัฐบาลจีนใช้ศูนย์ตำรวจนอกประเทศเหล่านี้อย่างผิดกฎหมาย เพื่อข่มขู่ผู้เห็นต่างชาวจีนและผู้ต้องสงสัยทางอาญาในต่างประเทศ และเพื่อกดดันให้พวกเขาเดินทางกลับจีน ซึ่งการเผยแพร่รายงานดังกล่าวยังนำไปสู่การสอบสวนโดยรัฐบาลของหลายประเทศ
ข้อมูลในรายงานบางส่วนระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวของจีน “หลีกเลี่ยงความร่วมมือทวิภาคีด้านตำรวจและตุลาการอย่างเป็นทางการ และฝ่าฝืนหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ รวมทั้งอาจละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศที่สามที่เกี่ยวข้องในการจัดตั้งกลไกนโยบายคู่ขนานโดยใช้วิธีการที่ผิดกฎหมาย”
ขณะที่การส่งตำรวจจีนไปประจำการนอกประเทศ ซึ่งหลายฝ่ายวิจารณ์ว่าเป็นสำนักงานนอกกฎหมายนั้น เป็นการดำเนินการที่เริ่มต้นโดยกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในประเทศต่างๆ และมีชื่อเรียกว่า สถานีบริการตำรวจจีนในต่างประเทศ หรือ 110 Overseas ซึ่ง 110 คือหมายเลขฉุกเฉินในการโทรศัพท์แจ้งตำรวจของจีน
ซึ่งที่ผ่านมาเคยปรากฏรายงานข่าว เช่น กรณีของ FBI ที่จับกุม 2 ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่าทั้งสองดำเนินการสถานีตำรวจจีนนอกประเทศอย่างผิดกฎหมายในนครนิวยอร์ก โดยสมรู้ร่วมคิดกับรัฐบาลจีน และใช้สถานีตำรวจนอกประเทศดังกล่าวเพื่อ ‘กิจกรรมปราบปราม’ รวมถึงค้นหาตัวนักเคลื่อนไหวสนับสนุนประชาธิปไตยเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
ด้าน Radio Free Asia รายงานถึงความเห็นที่แตกต่างกันของทางการไทยในเรื่องนี้ โดยก่อนหน้านี้ ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้หารือกับสถานทูตจีนเกี่ยวกับโครงการลาดตระเวนนำตำรวจจีนมายังประเทศไทยและประจำการตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ เพื่อต้องการแสดงให้ชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวจีนเห็นถึงการดำเนินการปรับปรุงมาตรการความปลอดภัย
แต่ทางด้าน พล.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาคัดค้านข้อเสนอดังกล่าว โดยไม่เห็นด้วยกับการนำตำรวจจีนมาดูแลนักท่องเที่ยวในไทย และมองว่าเป็นการละเมิดอธิปไตย โดยมั่นใจว่า “ตำรวจไทยมีศักยภาพที่จะรักษาความปลอดภัยให้กับพลเมืองไทยและนักท่องเที่ยวชาวจีน”
BenarNews รายงานความเห็นของ พุทธณี กางกั้น นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน และผู้อำนวยการ The Fort ซึ่งเป็นองค์กรในเครือของ Fortify Rights ที่มองว่ารัฐบาลกระตือรือร้นที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนมากเกินไป
“เราควรพิจารณานโยบายที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และไม่มุ่งเน้นไปที่ความพึงพอใจของประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ”
เธอกล่าวว่า คงเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ถึงผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นจากการอนุญาตให้ตำรวจจีนประจำการในประเทศไทย
“เราต้องพิจารณาผลที่ตามมาอย่างจริงจัง ทั้งข้อดีและข้อเสีย แล้วจะประสานปฏิบัติการได้อย่างไร? ใครคือผู้มีอำนาจ” เธอถาม
ขณะที่ กวิน ศิลปสกุล นักธุรกิจไทยวัย 37 ปี ได้ให้สัมภาษณ์ BenarNews ตั้งคำถามเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าวและมองว่า “โดยส่วนตัวแล้วผมไม่มีปัญหากับนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการอนุญาตให้ตำรวจจีนลาดตระเวนที่นี่”
ด้าน Global Times รายงานมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญชาวจีนซึ่งมองว่า “การให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนลาดตระเวนตามท้องถนนในไทยจะเป็นเครื่องป้องปรามอาชญากรได้อย่างไม่ต้องสงสัย และความพยายามร่วมกันระหว่างจีนและไทยในการบังคับใช้กฎหมายและการปราบปรามอาชญากรรม คาดว่าจะทำให้มีการเสนอประสบการณ์ความร่วมมือข้ามประเทศไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น”
Global Times ยังเผยความเห็นของหญิงชาวจีนคนหนึ่งจากปักกิ่ง ซึ่งกำลังเดินทางไปเที่ยวในหลายเมืองของไทย โดยบอกว่าเธอชื่นชอบอาหารทะเล หาดทราย และการดำน้ำในไทย แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องเตือนตัวเองเสมอว่าให้ระวังความปลอดภัยของตัวเอง และบอกว่า เธอจะมั่นใจกว่านี้มากหากเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากบ้านเกิดมาลาดตระเวนตามท้องถนนในประเทศไทย
ซึ่งนอกจากหญิงรายนี้ Global Times ยังสัมภาษณ์ชาวจีนอีกหลายคน ซึ่งต่างแสดงความคิดเห็นว่าจะมีความมั่นใจมากขึ้นเช่นเดียวกัน หากมีการดำเนินการความร่วมมือระหว่างตำรวจของทั้งสองประเทศ
อ้างอิง:
- https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/chinese-police-to-patrol-in-thailand-to-boost-tourist-confidence
- https://www.globaltimes.cn/page/202311/1301760.shtml
- https://www.rfa.org/english/news/china/cops-11132023171435.html
- https://www.benarnews.org/english/news/thai/police-proposal-11132023132433.html
- https://www.theguardian.com/world/2023/apr/20/explainer-chinas-covert-overseas-police-stations