สมาคมหลักทรัพย์ไทยชี้เทรนด์การลงทุนในต่างประเทศมาแรงผ่านโบรกเกอร์และตราสารที่ซื้อขายในประเทศ มองปีหน้าเงินยังออกไปลงทุนต่อเนื่องหลังผลตอบแทนดีโดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ ผนึกตลาดหลักทรัพย์พัฒนาตลาดหุ้นไทย มั่นใจยังน่าสนใจและสร้างผลตอบแทนได้ดี ด้านสมาคมบริษัทจัดการลงทุนมอง 6 เดือนแรกของปีหน้ายังผันผวนแนะกระจายการลงทุน
พิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวในหัวข้อ ‘บทบาทโบรกเกอร์ปี 2022 กับการตอบโจทย์นักลงทุนไทย’ จัดโดยวารสารการเงินธนาคาร ว่าในช่วงปีที่ผ่านมาเราเห็นนักลงทุนรายย่อยหน้าใหม่เข้ามามากขึ้นโดยเฉพาะนักลงทุนที่มีอายุ 25-41 ปี มีแนวโน้มการลงทุนในหุ้นพื้นฐานผ่านอินเทอร์เน็ตและใช้โปรแกรมเทรดดิ้งในการซื้อขายมากขึ้น
ขณะเดียวกันยังพบว่า เทรนด์การออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศมากขึ้นผ่านกองทุนรวมและโบรกเกอร์เติบโตสูงมาก โดยกลางปีที่ผ่านมามีเม็ดเงินราว 6 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2 แสนล้านบาท) ที่ออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังพบเทรนด์การลงทุนต่างประเทศผ่านตราสารเช่น Foreign DW, Foreign ETF และ Depository Receipt (DR) มากขึ้น ที่นักลงทุนสามารถลงทุนได้โดยไม่ต้องไปเปิดบัญชีใหม่ โดยเฉพาะการลงทุนใน DW (Derivative Warrant) ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น สะท้อนผ่านปริมาณการซื้อขายของ DW ในปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 10% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งตลาดแล้ว
สำหรับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 คือการลงทุนในต่างประเทศที่ยังคงต่อเนื่องมากขึ้น หลังจากที่นักลงทุนที่ออกไปลงทุนในช่วงปีที่ผ่านมาได้รับผลตอบแทนที่ดีเช่นหุ้นในสหรัฐฯ และจะเห็นตราสารที่ออกใหม่และไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศมากขึ้น เทรนด์ต่อมาคือการลงทุนแบบไร้ใบหุ้น (Scripless) จะมามากขึ้นเพราะสะดวกและปลอดภัย
เทรนด์สุดท้ายที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าเป็นการร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยในการพัฒนาระบบการซื้อขายหุ้นที่คิดจากหน่วยของเม็ดเงินลงทุนแทนจำนวนหุ้นช่วยลดข้อจำกัดการลงทุนหุ้นที่ราคาสูง เชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น
“เราจะเห็นพัฒนาการทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการ เช่น จะเห็นการโอนหลักทรัพย์ที่ง่ายขึ้น การเปิดบัญชีออนไลน์ การยืนยันตัวตนผ่าน e-KYC ที่นักลงทุนสามารถส่งเอกสารในการสมัครและเปิดบัญชีผ่านระบบดิจิทัล เราจะเห็นว่านักลงทุนจะคุ้นเคยมากขึ้น อีกทั้งการพัฒนาเครื่องมือซื้อขายวิเคราะห์หลักทรัพย์เพื่อให้นักลงทุนตัดสินใจได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยรวมเรายังเชื่อว่าตลาดหุ้นยังมีความน่าสนใจ ให้ผลตอบแทนที่ดี มีสินค้าพื้นฐานที่ดี และเชื่อว่านักลงทุนยังสร้างผลตอบแทนได้”
วศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย จำกัด และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวในหัวข้อ ‘เทรนด์กองทุนไทย 2022 ความท้าทายของการบริหารความมั่งคั่ง’ ว่าทิศทางการลงทุนในปีหน้าจะเป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่านจะเกิดขึ้นมากจากการผ่อนคลายนโยบายต่างๆ ที่กำลังจะลดลงและเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ทำให้ความไม่แน่นอนในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้ายังมีมาก
ซึ่งนอกจากความกังวลเรื่องการกลายพันธุ์ของการแพร่ระบาดของโควิดแล้ว ยังมีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่จะมาจากห่วงโซ่อุปทานที่ยังติดขัด และราคาน้ำมันที่กดดันมากขึ้น ทำให้ผู้คุมนโยบายต้องพิจารณาอย่างมาก
อย่างไรก็ตามในภาวะที่มีความไม่แน่นอนนักลงทุนควรกระจายความเสี่ยงการลงทุนโดยการลงทุนในหุ้นยังมีมุมมองเชิงบวก และลดการถือครองเงินสด ทองคำ ส่วนตราสารหนี้อาจต้องพิจารณาในแง่ของระยะเวลาการลงทุนโดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะยาวที่ได้รับแรงกดดันจากดอกเบี้ยขาขึ้น
ทั้งนี้หากมองเชิงภูมิภาคแล้วยังมีมุมมองเชิงบวกในประเทศญี่ปุ่น อินเดีย รวมถึงจีนที่อาจจะดูน่ากังวลจากนโยบายรุ่งเรืองร่วมกัน (Common Prosperity) แต่ราคาที่ปรับลดลงไปมากแล้วทำให้เรามีมุมมองเชิงบวกที่นักลงทุนสามารถหาจังหวะเข้าลงทุนได้ ส่วนประเทศไทยยังมีมุมมองเชิงบวกจากการฟื้นตัวหลังโควิด
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP