สายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ทำท่าว่าจะเริ่มใจอ่อน
เจ้าหน้าที่และผู้ควบคุมการแข่งขันเดินกลับเข้ามาในสนามอีกครั้ง และความหวังของผู้ชมที่อยากจะได้ชมเกมการแข่งขันของสองสโมสรฟุตบอลจากอังกฤษ ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในระดับความนิยมสูงสุด แต่ก็ถือเป็น ‘ของดี’ ที่ปีสองปีเราจะมีโอกาสได้ชมสักหนอยู่ในมือของพวกเขา
เจ้าหน้าที่ลองปล่อยบอลลงพื้น หากบอลกระเด้งพื้นกลับขึ้นมาได้ หมายถึงเรายังมีโอกาสซึ่งกันและกัน
แต่บอลเจ้ากรรมเมื่อหล่นลงพื้นก็หยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น เช่นเดียวกับความพยายามทดสอบการไหลของบอลด้วยการขว้างให้ไหลไปตามพื้น ลูกบอลก็เคลื่อนที่ได้เพียงน้อยนิด ก่อนจะหยุดนิ่งราวกับยอมจำนนต่อมวลน้ำจำนวนมหาศาลที่แทรกซึมเต็มทุกอณูของผืนดินและใบหญ้าบนสนามราชมังคลากีฬาสถาน
ผมแอบคิดถึงถ้อยคำของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ตัดพ้อว่า สนามแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อทีมชาติไทยแท้ๆ แต่ทีมชาติไทยกลับไม่มีโอกาสได้ใช้
เจเอ๊ย อย่าว่าแต่ทีมชาติไทยเลย สเปอร์สกับเลสเตอร์ก็ไม่ได้ใช้เหมือนกัน เพราะท้ายที่สุดแมตช์นัดนี้มีอันต้องถูกยกเลิกไปแบบชนิดที่ช็อกผู้ชมที่เข้ามารอชมการแข่งขันทั้งสนาม
ก่อนหน้าที่จะเดินทางไปสนามในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ ผมพยายามทบทวนความจำที่เลือนรางและจางลงทุกวันของตัวเองว่า ถึงวัยที่ต้องกินแปะก๊วยเสริมความจำหรือยัง
จำได้ว่าตั้งแต่ติดตามเกมฟุตบอลนอกและมีโอกาสเข้าไปชมเกมในสนามแบบสดๆ ครั้งแรกกับการมาเยือนของ ‘ปีศาจแดงดำ’ เอซี มิลาน เมื่อปี 1994 ที่สนามศุภชลาศัย ซึ่งโคตรทีมจากอิตาลีในสมัยนั้นแม้จะไม่ฟูลทีม แต่ก็มีซูเปอร์สตาร์อย่าง โรแบร์โต บาจโจ และ จานลุยจิ เลนตินี ปีกเจ้าของสถิติค่าตัวการย้ายทีมที่แพงที่สุดในโลกสมัยนั้น แต่ไม่เคยเห็นท็อตแนม ฮอตสเปอร์ มาเยือนไทยเลยสักครั้ง
ความจริงสเปอร์สก็ไม่ได้เป็นทีมอื่นไกลสำหรับแฟนบอลชาวไทย ฐานแฟนบอลในบ้านเราก็มีไม่น้อยมาโดยตลอด เพราะยักษ์คู่แห่งลอนดอนเหนือ (อีกทีมคงเดากันได้ว่าหมายถึงใคร) จะประสบความสำเร็จหรือไม่ พวกเขามีนักเตะที่เป็น ‘ฮีโร่’ ตัวชูโรงเสมอ
เหมือนในยุค 80 ที่มี ออสซี อาร์ดิเลส และ เกล็นน์ ฮอดเดิล, ยุค 90 จะเป็นใครไปได้อีกนอกจาก ‘ฉลามขาว’ เยอร์เกน คลินส์มันน์ กองหน้าที่ดังที่สุดคนหนึ่งของโลกยุคนั้น หรือในยุคมิลเลนเนียลที่มี ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ และอีกมากมาย
ก็เป็นเรื่องน่าประหลาดใจดีที่พวกเขาไม่เคยมาเยือนไทย ทั้งๆ ที่หลายสโมสรในอังกฤษมาเยือนบ้านเรากันหมด ไม่ว่าจะเพราะไม่มีแผนมาเยือน ไม่มีโอกาส หรือไม่มีใครคิดจะดึงเข้ามาก็ตาม
การเดินทางมาเยือนเอเชียเป็นปีที่ 2 ของสโมสรจากลอนดอน ซึ่งเดินทางไปออสเตรเลีย ก่อนจะขอแวะเก็บตัวที่เมืองไทย แล้วไปสิงคโปร์ต่อ จึงถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้โอกาสมาเล่นบนแผ่นดินไทยของพวกเราเสียที
โดยเฉพาะครั้งนี้ยังมี แฮร์รี เคน นักเตะที่หากพูดกันเรื่องสถิติและผลงานแล้ว สมควรจะได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในระดับสุดยอดของสโมสรในระดับเดียวกับ จิมมี กริฟฟ์ส ตำนานดาวซัลโวผู้ยิ่งใหญ่ของสเปอร์สและวงการฟุตบอลอังกฤษ
และไม่มีใครรู้ว่ามันอาจจะเป็นเกมสุดท้ายที่เคนได้เล่นในสีเสื้อสเปอร์สก็เป็นได้ เมื่อบาเยิร์น มิวนิก ยักษ์ใหญ่จากบุนเดสลีกา เยอรมัน ไม่ได้ปกปิดความต้องการที่จะได้ตัวเขาไปร่วมทีม และกระบวนการเจรจายังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
ไม่ใช่แค่เคน แต่ยังมี ซนฮึงมิน ซึ่งถ้าถามความรู้สึกของผม ‘Super Sonny’ น่าจะเป็นขวัญใจเบอร์หนึ่งของทีมแทนที่เขาไปแล้วด้วยซ้ำสำหรับแฟนฟุตบอลในเอเชีย รวมถึงในประเทศไทยที่ได้เห็นความคลั่งไคล้ของแฟนๆ ที่มีต่ออปป้าบ้าบอลคนนี้ และเจ้าตัวก็เป็นคนอัธยาศัยดีที่เซอร์วิสแฟนๆ เสมอด้วยไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม
ยังมีสตาร์อีกหลายคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยไม่ว่าจะเป็น ริชาร์ลิสัน, เดยัน คูลูเซฟสกี หรือ เจมส์ แมดดิสัน กับ เมเนอร์ ซาโลมอน สตาร์หน้าใหม่ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีม
แต่คนที่ให้ความสำคัญกับเกมนี้มากที่สุดคือ อังเก ปอสเตโคกลู ผู้จัดการทีมคนใหม่ชาวออสเตรเลีย (เป็นออสเตรเลียนคนแรกที่ได้คุมสโมสรในระดับสูงสุดของอังกฤษ!) ซึ่งตกปากรับคำที่จะทำทีมสเปอร์สขึ้นมาใหม่ หลังจากที่พังพาบอย่างน่าเศร้าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
อังเก ผู้เลี่ยงคำถามถึง ธีราทร บุญมาทัน ลูกทีมเก่าในทีมโยโกฮามา เอฟ มารินอส ไม่พ้น เริ่มต้นเกมอุ่นเครื่องนัดแรกของเขาได้ไม่ดีนัก เมื่อพ่ายต่อเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไปแบบหวุดหวิด 3-2 แต่ก็มีการพูดถึงสเปอร์สยุคของเขาเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า มีการปรับแผนและรูปแบบการเล่นของทีมใหม่
สเปอร์สน่าจะเป็นอีกทีมในพรีเมียร์ลีกที่เล่นในระบบ Inverted Fullback แต่ก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่างและน่าสนใจ โดยจะเป็น เซร์จิโอ เรกิลอน และ เปโดร ปอร์โร (นี่ก็เป็นอีกคนที่ซื้อขาดเข้ามาในฤดูกาลนี้) ที่ขยับมายืนแดนกลางในบางสถานการณ์ โดยที่ อีฟ บิสซูมา กองกลางฮาร์ดแมน จะถอยลงมายืนปักหลักกับคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
ส่วนผู้เล่นในแนวรุก โดยเฉพาะริมเส้นสองฟากซ้ายและขวา ไม่ว่าจะเป็น ซนฮึงมิน, ซาโลมอน, ริชาร์ลิสัน หรือคูลูเซฟสกี จะยืนถ่างออกริมเส้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งในเกมกับเวสต์แฮมว่ากันว่า ทีมของอังเกค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะในครึ่งหลัง
ผมเองก็อยากจะเห็นกับตาว่าหน้าตาของสเปอร์สโฉมใหม่จะเป็นอย่างไร จะดีต่อใจแค่ไหน
และในทางตรงกันข้าม ผมเองก็อยากเห็นเลสเตอร์เช่นกันว่าพวกเขายังเหลือกำลังกายและกำลังใจแค่ไหน ที่จะสู้เพื่อกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกให้ได้อีกครั้ง
The Foxes สูญเสียไปมากจากการตกชั้นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาปล่อยนักเตะระดับแกนหลักของทีมออกไปหลายคน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายมหาศาล ซึ่งเลสเตอร์มีปัญหาในเรื่องของการจ่ายเงินค่าเหนื่อยผู้เล่นสูงติดลำดับต้นๆ ของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แล้ว ที่ต้องบอกว่าเป็นการบริหารจัดการที่ผิดพลาด
ไม่นับการต้องตัดใจขาย เจมส์ แมดดิสัน ซึ่งก็จะมีโอกาสได้เจอทีมเก่าเป็นครั้งแรก และ ฮาร์วีย์ บาร์นส์ ที่มีการยืนยันการย้ายทีมไปนิวคาสเซิลเมื่อคืนเช่นกัน
นักเตะเท่าที่เหลืออย่าง เจมี วาร์ดี และ เคเลชี อิเฮียนาโช จะพอสำหรับพาทีมกลับมาลีกสูงสุดได้ไวไหม? นี่ก็เรื่องหนึ่ง
อีกหนึ่งเรื่อง เลสเตอร์เองก็ได้ผู้จัดการทีมคนใหม่และเป็นคนที่น่าสนใจด้วย เพราะ เอ็นโซ มาเรสกา ที่ครั้งเป็นนักฟุตบอลก็ถือเป็นนักเตะเชิงสูงสายคลาสสิก และเพิ่งแกรดจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากที่เป็นมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ในฤดูกาลเทรเบิลแชมป์
ถ้า มิเกล อาร์เตตา เปลี่ยนอาร์เซนอลให้กลายเป็นทีมลุ้นแชมป์ได้ เลสเตอร์ก็น่าจะพอมีความหวังกับศิษย์สำนักกวาร์ดิโอลาอย่างมาเรสกาเหมือนกันใช่ไหม?
ก่อนที่เกมจะเริ่มราว 2 ชั่วโมง ผมขอติดตามทีมงานช่างภาพ THE STANDARD เพื่อเก็บเกี่ยวบรรยากาศหน้าสนามไปกับเขาด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผมโปรดปรานมากพอๆ กับการได้เข้าศูนย์สื่อมวลชน เพราะแม้จะไม่ค่อยได้ออกภาคสนามมากนัก แต่สนามข่าวก็เป็นที่ที่ผมรักและคิดถึงเสมอ
ระหว่างเดินแบกเลนส์ยักษ์น้ำหนักไม่น้อย เพื่อทำหน้าที่ผู้ช่วยช่างภาพจำเป็น สิ่งที่ได้เห็นคือ ภาพบรรยากาศความคึกคักของแฟนฟุตบอลตามบูธกิจกรรมและจำหน่ายสินค้าต่างๆ ที่ไม่ได้แน่นขนัดจนหายใจไม่ออก แต่ก็รู้สึกกำลังดี เดินสบายๆ
Merchandise หลายอย่าง รวมถึงเสื้อที่ระลึกไม่ว่าจะฝั่งเลสเตอร์หรือสเปอร์ส ต่างก็ออกแบบมาได้อย่างสวยงาม (โดยเฉพาะเสื้อสเปอร์สสีส้มที่มีเบอร์ 7 พิมพ์ชื่อซนฮึงมิน!) สนนราคาจับต้องได้ไม่ได้แพงมากจนเกินไป ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นช่วงปลายเดือนแล้ว ผมคงทำได้มากกว่าแค่ชื่นชมด้วยสายตาและหัวใจ
ผมยังได้เจอกับ แมตต์ เอลเลียต และ เจอร์รี แท็กการ์ด สองนักเตะระดับตำนานตัวเก๋าของเลสเตอร์ ที่มายืนถ่ายรูปกับแฟนๆ อย่างเป็นกันเอง ซึ่งส่วนตัวก็ได้ทั้งภาพและโปสการ์ดเล็กๆ ที่มีภาพพร้อมลายเซ็นของทั้งคู่เป็นที่ระลึก
ณ เข็มนาฬิกานั้นก็แอบหวังว่ามันจะเป็นเกมที่ดี สนุก มีคุณค่า และมีความหมายสำหรับทั้งสองทีม
รวมถึงเป็นความทรงจำที่ดี
แต่แล้วเจ้าเอฟ ช่างภาพวิดีโอที่ให้เกียรติผมเป็นผู้ช่วยหนึ่งวัน ก็ทักว่า “พี่รีบกลับไปกันเถอะ เมฆตั้งเค้าแล้ว”
เมฆตั้งเค้าจริง แต่นาทีนั้นเราไม่ได้คิดเลยว่าสายฝนจะกระหน่ำลงมามากขนาดนั้น และไม่มีทีท่าจะหยุดง่ายๆ
การลงอบอุ่นร่างกายของนักเตะทั้งสองทีมเป็นไปอย่างทุลักทุเล แทบเล่นอะไรได้ไม่มากนัก เพราะสนามเจิ่งนองไปด้วยน้ำทุกตารางพื้นที่ แม้แต่ซนฮึงมินจะเลี้ยงบอลก็ยังต้องโชว์ลวดลายงัดบอลข้ามหนีน้ำให้เห็น
ผมเชื่อว่าทุกคนในสนามหวังว่าระบบการระบายน้ำของราชมังคลากีฬาสถานจะทำหน้าที่ของมันได้ดีเหมือนที่เคยมีการโปรโมตในช่วง ‘THE MATCH’ แมตช์ประวัติศาสตร์ระหว่างลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปีกลาย ซึ่งมีคลิปในช่วงก่อนแมตช์ว่าถึงสนามจะเจิ่งนองหนัก (หนักกว่าเกมนี้แน่) แต่สนามสามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วภายใน 30 นาที
แต่เราทุกคนอาจจะหวังมากเกินไป
ภาพของเจ้าหน้าที่สนามที่ถือเครื่องมือในการรีดน้ำออกมา 1 อันถ้วน เพื่อรีดน้ำที่เจิ่งนองหนักแถวริมเส้นไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเท่าไรนัก
เช่นเดียวกับลูกฟุตบอลที่ขยับเขยื้อนไปแทบไม่ไหว เมื่อฝ่ายดูแลการแข่งขันพยายามลงมาทดสอบความพร้อมของสนาม เพื่อตัดสินใจว่าเกมจะสามารถดำเนินต่อไปได้หรือไม่
ความพยายามระลอกแรกผ่านไป ความพยายามขั้นต่อไปคือการมีทีมงานที่พยายามใช้เครื่องมือในการรีดน้ำออกจากสนามเพิ่มขึ้น แต่ด้วยความไม่ใช่ Groundman ที่รู้วิธีดูแลสนาม ภาพการพยายามรีดน้ำอย่างทุลักทุเลไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น แม้เราต่างก็รู้ เข้าใจ และขอบคุณที่พยายามจะทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว
สุดท้ายนักฟุตบอลเดินกลับขึ้นมาอีกครั้ง แต่พวกเขาไม่ได้ลงไปตั้งแถวเพื่อที่จะรอถ่ายภาพทีมอย่างที่ควรจะเป็น
นักเตะสเปอร์สและเลสเตอร์เดินไปรอบสนาม เพื่อขอบคุณกับแฟนบอลที่ยังสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น จนเมื่อเดินครบรอบแล้วจึงมีเสียงโฆษกสนามประกาศข่าวร้าย
การแข่งขันได้ถูกยกเลิกด้วยเหตุผลว่าสนามไม่พร้อมสำหรับการใช้งาน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อนักฟุตบอลได้
ท่ามกลางการพูดกันในห้องสื่อมวลชนว่า สเปอร์สมีกำหนดการที่จะต้องเดินทางต่อในคืนนั้นไปสิงคโปร์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเกมอุ่นเครื่องนัดต่อไปกับทีมท้องถิ่น (เดิมจะดวลกับโรมา แต่ทีมหมาป่ากรุงโรมยกเลิกแผนการทัวร์) ทำให้ไม่สามารถรอให้สนามพร้อมสำหรับการแข่งขันได้
ไม่ได้มีเสียงโห่ฮาจากแฟนบอลดังสนั่นเท่าไรนัก
อาจเพราะความสับสน ความมึน หรือเพราะแฟนบอลชาวไทยเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายก็ตาม
แต่สุดท้ายเกมนัดนี้ก็ไม่เกิดขึ้น เป็นเกมฟุตบอลอุ่นเครื่องของสโมสรจากต่างประเทศครั้งแรกที่มีการยกเลิกการแข่งขัน เพราะสาเหตุสนามไม่พร้อมสำหรับการแข่งขัน
เช่นเดียวกับคำถามอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมของสนาม ระบบการระบายน้ำของสนาม กำหนดการเดินทางของสเปอร์ส แล้วเงินค่าตั๋วเข้าชมของแฟนบอลที่บอกว่าจะคืนให้จะต้องทำอย่างไร?
ไหนจะความรู้สึกที่เสียไปของแฟนบอลที่ใช้ความพยายามมากมาย ใครจะรับผิดชอบ?
ไม่มีคำตอบจากสายลม
สายฝนซาลงไปมากแล้ว สนามก็ควรจะระบายน้ำออกไปได้มากแล้วเช่นกัน แต่ไม่มีใครอยู่รออีกแล้ว